Page 14 - june52

Basic HTML Version

วารสารวั
ฒนธรรมไทย
12
รâ
Õย‡ร◊Ë
Õßวั
นส”§ั
Úˆ ¡‘
∂ÿ
π“¬π
«—
π ÿ
π∑√¿Ÿà
สุ
ดยอดกวี
เอกแห่
งกรุ
งสยาม
เสมี
ยนระวางกรมพระคลั
งสวน ด้
วยกำลั
งอยู่
ในวั
ยหนุ่
มท่
านได้
ต้
องใจผู้
หญิ
งคนหนึ่
งชื่
อว่
า จั
น ท่
านจึ
งได้
เขี
ยนเพลงยาวส่
งให้
นางจั
น จนบิ
ดามารดาของนางจั
นจั
บได้
แล้
วนำความไปกราบทู
กรมพระราชวั
ง ทำให้
ท่
านและนางจั
นถู
กต้
องโทษจำคุ
ในระยะเวลาหนึ่
ง เมื่
อพ้
นโทษออกมาจึ
งเดิ
นทางไปเยี่
ยมบิ
ดา
ที่
เมื
องแกลง จั
งหวั
ดระยอง
ด้
วยความที่
ท่
านเป็
นคนชอบการแต่
งโคลง ฉั
นท์
กาพย์
กลอนมาตั้
งแต่
วั
ยเด็
ก ทำให้
ท่
านได้
เข้
ารั
บราชการอี
กครั้
งใน
กรมพระอาลั
กษณ์
ในสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
นภาลั
ย รั
ชกาลที่
๒ และด้
วยความสามารถในโคลงกลอนของ
ท่
าน รวมถึ
งพระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
านภาลั
ย ทรงโปรด
เรื่
องโคลงกลอนเป็
นอย่
างมาก (ซึ่
งพระองค์
เองก็
ทรงเป็
นกวี
เอก
ที่
ได้
รั
บการยกย่
องเช่
นเดี
ยวกั
น) ท่
านจึ
งเป็
นที่
โปรดปรานของ
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
านภาลั
ยเป็
นอย่
างมาก จนได้
รั
สÿ
นทรภู่
ชื่
อนี้
พวกเราชาวไทยรู้
จั
กกั
นดี
เพราะท่
าน
เป็
นสุ
ดยอดกวี
เอกแห่
งกรุ
งสยามที่
ได้
สร้
างสรรค์
ผลงานบทประพั
นธ์
ทั้
งโคลง ฉั
นท์
กาพย์
กลอน
ที่
มี
ชื่
อเสี
ยงมากมายไว้
ให้
อนุ
ชนรุ่
นหลั
งได้
ศึ
กษา ซึ่
งล้
วนแล้
วแต่
เป็
นผลงานที่
ทรงคุ
ณค่
า เนื่
องจากบทประพั
นธ์
ของท่
านนั้
นสะท้
อน
สภาพของสั
งคมไทยในยุ
คนั้
นได้
อย่
างชั
ดเจน ทำให้
งานนิ
พนธ์
ของ
สุ
นทรภู่่
ได้
รั
บความนิ
ยมมาตั้
งแต่
ในยุ
คสมั
ยของท่
านตราบจน
ถึ
งปั
จจุ
บั
น และจากผลงานวรรณกรรมที่
ทรงคุ
ณค่
า องค์
การ
ศึ
กษาวิ
ทยาศาสตร์
และวั
ฒนธรรมแห่
งสหประชาชาติ
(UNESCO)
จึ
งยกย่
องให้
เป็
“บุ
คคลºู้
มี
ºลงานดี
เด่
นทางวั
ฒนธรรม
ระดั
บโลก”
สุ
นทรภู่
หรื
อพระยาสุ
นทรโวหาร มี
นามเดิ
มว่
า ภู่
เกิ
ดเมื่
อวั
นที่
๒๖ มิ
ถุ
นายน พ.ศ. ๒๓๒˘ ที่
พระราชวั
งหลั
ง ในสมั
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธยอดฟ้
าจุ
ฬาโลกมหาราช รั
ชกาลที่
(ปั
จจุ
บั
นเป็
นที่
ตั้
งของสถานี
รถไฟบางกอกน้
อย) ส่
วนบิ
ดา
ไม่
ทราบชื่
อ รู้
แค่
ว่
าเป็
นชาวบ้
านกร่
ำ อำเภอแกลง จั
งหวั
ดระยอง
ส่
วนมารดาเป็
นข้
าหลวงในพระราชวั
งหลั
ง แต่
ได้
เลิ
กรากั
บบิ
ดา
ตั้
งแต่
ท่
านเกิ
ดแล้
ว ท่
านได้
รั
บการศึ
กษาขั้
นแรกที่
พระราชวั
งหลั
และวั
ดชี
ปะขาว (วั
ดศรี
สุ
ดาราม) จากนั้
นจึ
งได้
เข้
ารั
บราชการในตำแหน่