วารสารวั
ฒนธรรมไทย
11
และวิ
ธี
การสอน ตลอดจนจั
ดพิ
มพ์
ตำราเรี
ยนและทรงขยายการศึ
กษา
ออกไปสู่
ราษฎรตามหั
วเมื
องต่
าง ๆ โดยจั
ดตั้
งโรงเรี
ยนหลวงขึ้
น
ทั่
วประเทศ
- ทรงจั
ดตั้
ง
“โรงเรี
ยนฝึ
กหั
ดข้
าราชการพลเรื
อน”
ในปี
พ.ศ. ๒๔๔๒ ซึ่
งต่
อมาในสมั
ยรั
ชกาลที่
๖ ได้
เปลี่
ยนมาเป็
น
“จุ
ฬาลงกรณ์
มหาวิ
ทยาลั
ย”
- ทรงปรั
บปรุ
งและแก้
ไขข้
อบกพร่
องต่
าง ๆ ของหอ
พระสมุ
ดวชิ
รญาณ ซึ่
งเป็
นหอสมุ
ดแห่
งเดี
ยวในพระนคร อาทิ
ทรงกำหนด
ระเบี
ยบวิ
ธี
การยื
มและการเป็
นสมาชิ
ก เป็
นต้
น
ด้
านมหาดไทย
ถื
อเป็
นกิ
จการที่
สำคั
ญยิ่
งในการบริ
หารและ
ปกครองประเทศ พระองค์
ทรงมี
บทบาทสำคั
ญในการก่
อตั้
งและปฏิ
รู
ป
การจั
ดระเบี
ยบการปกครองภายในประเทศ และการบริ
หารราชการ
ของกระทรวงมหาดไทย อาทิ
- ทรงจั
ดการบั
งคั
บบั
ญชางานภายในกระทรวง ให้
มี
รู
ปแบบ
เป็
นระบบราชการที่
ชั
ดเจนขึ้
น มี
ลำดั
บขั้
นการบั
งคั
บบั
ญชา มี
การ
แบ่
งงาน และการเลื
อกสรรผู้
มี
ความรู้
ความสามารถเข้
ารั
บราชการ
โดยการสอบคั
ดเลื
อก การออกระเบี
ยบวิ
นั
ยต่
าง ๆ เช่
น ยกเลิ
ก
ประเพณี
การให้
ข้
าราชการทำงานที่
บ้
าน กำหนดเวลาการทำงาน
การจั
ดระเบี
ยบส่
ง ร่
าง เขี
ยน และเก็
บหนั
งสื
อราชการ
- ทรงจั
ดระบบการปกครองส่
วนภู
มิ
ภาค ที่
เรี
ยกว่
า
“ระบบเทศาภิ
บาล”
นั
บเป็
นผลงานสำคั
ญที่
สุ
ดของพระองค์
โดยทรง
รวมหั
วเมื
องต่
าง ๆ จั
ดเข้
าเป็
น
“มณฑล”
และมี
ข้
าหลวงเทศาภิ
บาล
เป็
นผู้
บั
งคั
บบั
ญชา อยู่
ในอำนาจของเสนาบดี
กระทรวงมหาดไทยอี
ก
ชั้
นหนึ่
ง และการแบ่
งเขตย่
อยลงไปเป็
นจั
งหวั
ด อำเภอ ตำบล
และหมู่
บ้
าน โดยในปี
พ.ศ. ๒๔๔๐ ได้
ออก
พระราชบั
ญญั
ติ
ลั
กษณะ
การปกครองท้
องที่
บั
งคั
บใช้
ทั่
วพระราชอาณาจั
กร นอกจากนี้
ทรงริ
เริ่
มจั
ดตั้
ง
การสุ
ขาภิ
บาลหั
วเมื
อง
ในปี
พ.ศ. ๒๔๔๘ โดยเริ่
มที่
ตำบลท่
าฉลอม จั
งหวั
ดสมุ
ทรสาครเป็
นแห่
งแรก และนั
บเป็
นการปู
พื้
นฐาน
การปกครองส่
วนท้
องถิ่
น
ด้
านการป่
าไม้
ทรงริ
เริ่
มก่
อตั้
งกรมป่
าไม้
เพื่
อให้
มี
หน่
วยงาน
ของรั
ฐได้
เข้
าไปดู
แลกิ
จการป่
าไม้
โดยตรง ตลอดจนการออกพระราช
บั
ญญั
ติ
กฎกระทรวงและกฎข้
อบั
งคั
บต่
าง ๆ ในการปฏิ
บั
ติ
งานของ
กรมป่
าไม้
ที่
ใช้
มาจนถึ
งปั
จจุ
บั
น
ด้
านสาธารณสุ
ข
ทรงมี
พระดำริ
ริ
เริ่
มให้
มี
โอสถศาลา มี
หน้
าที่
ผลิ
ตยาเพื่
อแจกจ่
ายให้
แก่
ราษฎรในตำบลห่
างไกล ซึ่
งเป็
นที่
มา
ของสถานี
อนามั
ยในปั
จจุ
บั
น และทรงจั
ดตั้
งปาสตุ
รสภาเป็
นสถานที่
ป้
องกั
นโรคพิ
ษสุ
นั
ขบ้
า
ด้
านศิ
ลปวั
ฒนธรรม
เมื่
อพระองค์
ดำรงตำแหน่
งนายก
ราชบั
ณฑิ
ตยสภาทร ง ริ
เ ริ่
มและ ว า งแนวทา งการดำ เนิ
นง าน
พิ
พิ
ธภั
ณฑสถานแห่
งชาติ
หอสมุ
ดแห่
งชาติ
และหอจดหมายเหตุ
แห่
งชาติ
นอกจากนี้
ทรงอนุ
รั
กษ์
และชำระหนั
งสื
อสำคั
ญทาง
ประวั
ติ
ศาสตร์
จำนวนมากและทรงนิ
พนธ์
หนั
งสื
อที่
เป็
นประโยชน์
มากมายในด้
านต่
าง ๆ อาทิ
ประวั
ติ
บุ
คคลสำคั
ญ การศึ
กษา
ขนบธรรมเนี
ยมประเพณี
ศิ
ลปะวรรณคดี
ประวั
ติ
ศาสตร์
โบราณคดี
เป็
นต้
น ทำให้
พระองค์
ทรงมี
ความชำนาญงานทางด้
านประวั
ติ
ศาสตร์
เป็
นอย่
างมาก ทำให้
ในปี
พ.ศ. ๒๕๐๕ ทรงได้
รั
บการยกย่
องจาก
องค์
การศึ
กษาวิ
ทยาศาสตร์
และวั
ฒนธรรมแห่
งสหประชาชาติ
(UNESCO) ให้
เป็
นบุ
คคลสำคั
ญของโลก นั
บเป็
นบุ
คคลไทยพระองค์
แรก
และทรงได้
รั
บการถวายพระนามว่
า
“พระบิ
ดาแห่
งประวั
ติ
ศาสตร์
ไทย”
ในปี
พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้
เกิ
ดการเปลี่
ยนแปลงการปกครองขึ้
น
ในประเทศไทย สมเด็
จพระเจ้
าบรมวงศ์
เธอ กรมพระยาดำรงราชานุ
ภาพ
เสด็
จไปประทั
บที่
เกาะปี
นั
ง เพื่
อหลี
กเลี่
ยงปั
ญหาความวุ่
นวาย
ทางการเมื
อง ต่
อมาได้
เสด็
จฯ กลั
บประเทศไทย เนื่
องจากทรง
พระประชวรด้
วยโรคพระหทั
ยพิ
การ และสิ้
นพระชนม์
เมื่
อวั
นที่
๑ ธั
นวาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ รวมพระชนมายุ
ได้
๘๑ พรรษา
จะเห็
นได้
ว่
าพระราชกรณี
ยกิ
จของสมเด็
จพระเจ้
าบรมวงศ์
เธอ
กรมพระยาดำรงราชานุ
ภาพ นั้
น มี
ส่
วนสำคั
ญอย่
างยิ่
งในการพั
ฒนา
ประเทศไทยของเราให้
มี
ความเจริ
ญก้
าวหน้
าในทุ
กด้
าน นอกจาก
พระราชกรณี
ยกิ
จดั
งที่
กล่
าวมาแล้
ว พระองค์
ยั
งทรงเป็
นที่
ปรึ
กษาสำคั
ญ
ที่
ทำให้
ประเทศไทยของเรารอดพ้
นจากการเป็
นเมื
องขึ้
นของต่
างชาติ
ในสมั
ยนั้
นอี
กด้
วย และเนื่
องในวั
นดำรงราชานุ
ภาพที่
จะเวี
ยนมาถึ
งนี้
ซึ่
งตรงกั
บวั
นที่
๒๑ มิ
ถุ
นายนของทุ
กปี
สำนั
กงานคณะกรรมการ
วั
ฒนธรรมแห่
งชาติ
กระทรวงวั
ฒนธรรม จึ
งขอเชิ
ญชวนหน่
วยงาน
ภาครั
ฐ เอกชน และประชาชน ร่
วมกั
นน้
อมรำลึ
กถึ
งพระคุ
ณของ
พระองค์
ท่
านที่
ทรงมี
คุ
ณู
ปการต่
อประเทศชาติ
ด้
วยการประพฤติ
และปฏิ
บั
ติ
หน้
าที่
ของตนเองด้
วยความซื่
อสั
ตย์
สุ
จริ
ต เห็
นแก่
ประโยชน์
ของชาติ
บ้
านเมื
องมากกว่
าประโยชน์
ส่
วนตน เพื่
อร่
วมกั
นสร้
างสรรค์
ความเจริ
ญก้
าวหน้
าให้
แก่
ประเทศชาติ
ของเราต่
อไป
ข้
อมู
ลอ้
างอิ
งจากหนั
งสื
อสมุ
ดภาพพระประวั
ติ
และพระราชกรณี
ยกิ
จของ
สมเด็
จฯ กรมพระยาดำรงราชานุ
ภาพของกรมศิ
ลปากร