วารสารวั
ฒนธรรมไทย
จากต้
นกำเนิ
ดอั
กษรไทย คื
อ ลายสื
อไทยของพ่
อขุ
น
รามคำแหง ได้
มี
การวิ
วั
ฒน์
เปลี่
ยนแปลง รู
ปพยั
ญชนะ สระ
วรรณยุ
กต์
และอั
กขรวิ
ธี
มาเป็
นลำดั
บ จนเกิ
ดรู
ปแบบ
“อั
กษร
ไทยสุ
โขทั
ย”
ในขณะเดี
ยวกั
นก็
ได้
แพร่
หลายขึ้
นไปสู่
ดิ
นแดน
ล้
านนา เมื่
อรั
บไปใช้
ในท้
องถิ่
นได้
ปรั
บเปลี่
ยนกลายเป็
น
รู
ปแบบอั
กษรที่
เรี
ยกว่
า
“อั
กษรไทยล้
านนา หรื
อ อั
กษร
ฝั
กขาม”
และรู
ปแบบอั
กษรของอาณาจั
กรล้
านนานี้
ได้
มี
อิ
ทธิ
พลข้
ามลำน้
ำโขงไปยั
งอาณาจั
กรล้
านช้
างเป็
นรู
ปอั
กษรที่
ใช้
ในกลุ่
มชนชาติ
ที่
เรี
ยกว่
าไทยน้
อย จึ
งพั
ฒนาเป็
น
“อั
กษร
ไทยน้
อย”
ซึ่
งมี
ปรากฏใช้
ในดิ
นแดนภาคอี
สานของไทยด้
วย
และในท้
องถิ่
นอี
สานก็
รั
บอั
กษรไทยล้
านนาไปใช้
พั
ฒนาเป็
น
รู
ปแบบเฉพาะของถิ่
นเรี
ยกว่
า
“อั
กษรไทยอี
สาน”
อิ
ทธิ
พลของ อั
กษรไทยสุ
โขทั
ย มิ
ได้
แพร่
หลายขึ้
นไป
เฉพาะทางเหนื
อ แต่
ยั
งแผ่
ลงมาทางบริ
เวณตอนใต้
ของ
อาณาจั
กร คื
อ อาณาจั
กรอยุ
ธยา ซึ่
งได้
รั
บรู
ปแบบอั
กษรไทย
สุ
โขทั
ยมาใช้
และ มี
วิ
วั
ฒนาการกลายเป็
นรู
ปแบบ
“อั
กษร
ไทยอยุ
ธยา”
และรู
ปอั
กษรในยุ
คสมั
ยนี้
ก็
ได้
ใช้
ต่
อมา
โดยเปลี่
ยนแปลงรู
ปแบบมาตามกาลสมั
ย เข้
าสู่
ยุ
ค
“อั
กษร
ไทยรั
ตนโกสิ
นทร์
”
มาจนถึ
งปั
จจุ
บั
น
นอกจากอั
กษรไทย หลายรู
ปแบบที่
บรรพชนไทย
ในภู
มิ
ภาคต่
าง ๆ ใช้
สื
บมาในแต่
ละยุ
คสมั
ยแล้
ว ยั
งมี
รู
ปอั
กษร
แบบอื่
น ๆ ที่
คนไทยเราใช้
ควบคู่
ไปด้
วย สื
บเนื่
องจากคติ
นิ
ยม
ที่
ถื
อว่
าเรื่
องราว หรื
อคำสอนทางพระพุ
ทธศาสนา เป็
น
สิ่
งที่
เคารพบู
ชาสู
งสุ
ด และควรแบ่
งแยกเรื่
องของ
“พุ
ทธจั
กร”
ออกจาก
“อาณาจั
กร”
จึ
งกำหนดเลื
อกใช้
รู
ปแบบอั
กษร
ที่
บั
นทึ
กเรื่
องราวเกี่
ยวกั
บพระพุ
ทธศาสนาด้
วยรู
ปแบบอื่
น ๆ
ที่
มิ
ใช่
อั
กษรไทย ดั
งปรากฏหลั
กฐานขนบธรรมเนี
ยมนี้
มาตั้
งแต่
สมั
ยกรุ
งสุ
โขทั
ย ซึ่
งได้
นำอั
กษรขอมโบราณมาใช้
ั
อั
กษรไทยอยุ
ธยา
อั
กษรพ่
อขุ
นรามคำแหง พ.ศ. ๑๘๓๕
อั
กษรไทยรั
ตนโกสิ
นทร์