Page 32 - july52

Basic HTML Version

วารสารวั
ฒนธรรมไทย
30
ภู
มิ
ปั
ญญาไทย
ามพจนานุ
กรมฉบั
บราชบั
ณฑิ
ตยสถาน ได้
ให้
ความหมายของคำว่
“สากกะเบื
อ”
น. สากไม้
สำหรั
บตำข้
าวเบื
อหรื
อน้
ำพริ
ก เป็
นต้
น, ใช้
คู่
กั
ครกกะเบื
อ และแม้
แต่
คำว่
“สากกะเบื
อ”
นี้
ยั
งได้
นำมาเปรี
ยบเปรยเป็
นสำนวนที่
มี
ความหมายพิ
เศษ ไม่
ตรงกั
ความหมายปกติ
เป็
นลั
กษณะความหมายเชิ
งอุ
ปมาเปรี
ยบเที
ยบ
และไม่
แปลความหมายตรงตามตั
วอั
กษร บางสำนวนอาจหมายถึ
สุ
ภาษิ
ตและคำพั
งเพยด้
วย เช่
“นิ่
งเป็
นเป่
าสาก หมายถึ
เงี
ยบสนิ
ท”
หรื
“ร้
านนี้
มี
ของขายตั้
งแต่
สากกะเบื
อยั
นเรื
อรบ
หมายถึ
ง ร้
านค้
านี้
มี
ของขายทุ
กชนิ
ด”
เป็
นต้
นอกจากนี้
ยั
งพบคำว่
“สากกะเบื
อ”
ปรากฏอยู่
ในขนม
ของกลุ่
มชาวบ้
านในจั
งหวั
ดตราด เรี
ยกกว่
“ขนมสากกะเบื
อลุ
น”
มู
ลเหตุ
ของชื่
อขนมนี้
น่
าจะเกิ
ดจากการใช้
วั
สดุ
และวิ
ธี
การทำขนม
ดั
งกล่
าว โดยวั
สดุ
สำคั
ญที่
ขาดไม่
ได้
ในกระบวนการทำขนมนั้
คื
อ การใช้
สากกะเบื
อมาช่
วยในการนวดแป้
งให้
เหนี
ยว ส่
วนคำว่
“ลุ
น”
นั้
น จากพจนานุ
กรมฉบั
บราชบั
ณฑิ
ตสถาน ไม่
ปรากฏ
ความหมาย แต่
จะพบคำว่
“หลุ
น”
หมายถึ
ง เร็
ว ๆ ซึ่
งน่
าจะเป็
อากั
ปกิ
ริ
ยาของผู้
ทำขนมที่
จะต้
องคลุ
กเคล้
าส่
วนผสมให้
เข้
ากั
โดยเร็
วก็
อาจจะเป็
นไปได้
ขนมสากกะเบื
อลุ
นนั
บเป็
นขนมโบราณ
ที่
เกิ
ดจากการผสมผสานระหว่
างวั
ฒนธรรมของชนชาติ
จี
ที่
เข้
ามาอาศั
ยอยู่
ในจั
งหวั
ดตราด โดยใช้
วั
สดุ
ที่
หาได้
จากท้
องถิ่
นำมาผสมผสานให้
มี
รสชาติ
ที่
กลมกล่
อม ส่
วนผสมประกอบด้
วย
แป้
งข้
าวเหนี
ยว ก็
จะต้
องนำข้
าวมาโม่
ให้
เป็
นแป้
ง ถั่
วลิ
สง
ก็
จะปลู
กกั
นเองในท้
องถิ่
น ส่
วนน้
ำตาลอ้
อยนั้
นก็
จะหี
บอ้
อยเอง
ซึ่
งมี
กรรมวิ
ธี
และขั้
นตอนการทำที่
ต้
องใช้
เวลามาก ยุ่
งยาก
จะมี
ตามช่
วงฤดู
เท่
านั้
น และเนื่
องจากกรรมวิ
ธี
และขั้
นตอน
การทำขนมสากกะเบื
อลุ
นค่
อนข้
างยาก ทำให้
ชาวบ้
านในท้
องถิ่
ไม่
ค่
อยจะนิ
ยมทำกั
น อี
กทั้
งยุ
คสมั
ยที่
เปลี่
ยนแปลงไป และ
มี
อาหาร ขนม ของว่
างต่
าง ๆ อย่
างมากมาย จึ
งทำให้
ขนมดั
งกล่
าว
ค่
อย ๆ สู
ญหายไป และหาทานได้
ยากมาก แต่
ในปั
จจุ
บั
นก็
จะมี
ให้
เห็
ในงานบุ
ญประเพณี
เทศกาลต่
าง ๆ ที่
ชาวบ้
านนำมาสาธิ
และนำมาช่
วยงานบุ
ญเท่
านั้
สั
นนิ
ษฐานกั
นว่
“ขนมสากกะเบื
อลุ
น”
เป็
นขนมของ
ชาวจี
นที่
อพยพเข้
ามาอยู่
ในจั
งหวั
ดตราด ซึ่
“ข้
อมู
ลสนั
บสนุ
จากหนั
งสื
อ ๑๐๘ ซองคำถาม/สำนั
กพิ
มพ์
สารคดี
ในรายงาน
การวิ
จั
ยของ สุ
ภางค์
จั
นทวานิ
ช เรื่
อง ชาวจี
นแต้
จิ๋
วในประเทศไทย
และในภู
มิ
ลำเนาเดิ
มที่
เฉาซั
น : สมั
ยที่
หนึ่
ง ท่
าเรื
อจางหลิ
(๒๓๑๐-๒๓๙๓) ได้
กล่
าวถึ
งการอพยพของชาวจี
นที่
เริ่
มอพยพ
เข้
ามาพำนั
กอาศั
ยในแผ่
นดิ
นที่
เป็
นประเทศไทยปั
จจุ
บั
นตั้
งแต่
สมั
ยสุ
โขทั
ย ดั
งปรากฏว่
าได้
มี
การส่
งคณะทู
ตจากจี
นมายั
ราชสำนั
กแห่
งอาณาจั
กรสุ
โขทั
ย และมี
การส่
งคณะทู
ตไทยไปยั
ปั
กกิ่
งเช่
นกั
น ชาวจี
นที่
อพยพเข้
ามาในระยะแรกส่
วนใหญ่
มาจาก
ทางตอนใต้
ของจี
น อาจจำแนกชาวจี
นอพยพจากกลุ่
มภาษาและ
ภู
มิ
ลำเนาได้
ดั
งนี้
- กลุ่
มจี
นแต้
จิ๋
ว มาจากตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อของ
มณฑลกวางตุ้
- กลุ่
มจี
นฮกเกี้
ยน มาจากตอนใต้
ของมณฑลฝู
เจี้
ยน
- กลุ่
มจี
นไหหลำ มาจากตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อของ
เกาะไหหลำ
- กลุ่
มจี
นกวางตุ้
ง มาจากตอนกลางของมณฑลกวางตุ้
- กลุ่
มจี
นแคะ มาจากตอนเหนื
อของมณฑลกวางตุ้
จากบั
นทึ
กทางประวั
ติ
ศาสตร์
ไทยกล่
าวว่
า ชาวจี
นที่
เดิ
นทาง
มาไทยในสมั
ยอยุ
ธยาส่
วนใหญ่
เป็
นจี
นฮกเกี้
ยน แต่
หลั
งสมั
ยอยุ
ธยา
จะมี
ชาวจี
นแต้
จิ๋
วอพยพเข้
ามาเป็
นจำนวนมาก จี
นฮกเกี้
ยนมี
เป็
จำนวนมากแถบภาคใต้
ของไทยในจั
งหวั
ดภู
เก็
ต ปั
ตตานี
สงขลา
และระนอง
สำหรั
บจี
นแต้
จิ๋
วอาศั
ยอยู่
ในกรุ
งเทพฯ ฉะเชิ
งเทรา และ
ชลบุ
รี
เป็
นส่
วนใหญ่
ชาวจี
นแต้
จิ๋
วอพยพเข้
ามาตั้
งถิ่
นฐานใน
ประเทศไทยเป็
นจำนวนมากในระยะหลั
งปี
พ.ศ. ๒๓๑๐ พวกแต้
จิ๋
ส่
วนใหญ่
จะอพยพมาทางเรื
อ และตั้
งถิ่
นฐานอยู่
ในบริ
เวณ
ทิ
ศตะวั
นออกเฉี
ยงใต้
ของประเทศไทย ได้
แก่
เมื
องต่
าง ๆ ในอ่
าวไทย
ฝั่
งตะวั
นออก ได้
แก่
ตราด จั
นทบุ
รี
บางปลาสร้
อย (ชลบุ
รี
) แปดริ้
(ฉะเชิ
งเทรา) และในกรุ
งเทพฯ ต่
อมาภายหลั
งในคริ
สต์
ศตวรรษ
ที่
๑๙ พวกแต้
จิ๋
วจึ
งขยั
บขยายออกไปตั้
งถิ่
นฐานใหม่
นอกเขต
ดั
งกล่
าว ได้
แก่
อุ
ตรดิ
ตถ์
ปากน้
ำโพ (นครสวรรค์
) ตลอดจนพิ
จิ
ตร
พิ
ษณุ
โลก สวรรคโลก เด่
นชั
ย เมื่
อมี
การสร้
างทางรถไฟไปถึ
แก่
งคอย และขึ้
นไปทางเหนื
อในปี
พ.ศ. ๒๔๕๑
ในการอพยพย้
ายถิ่
นของกลุ่
มชนต่
าง ๆ นั้
น จะต้
องนำ
ขนบธรรมเนี
ยมประเพณี
วั
ฒนธรรมเข้
ามาด้
วย เช่
นเดี
ยวกั
ชาวจี
นที่
อพยพย้
ายถิ่
นเข้
ามาในจั
งหวั
ดตราด ที่
ได้
นำเอาวั
ฒนธรรม
สากกะเบื
อลุ
ขนมท้
องถิ่
นจั
งหวั
ดตราด
วราพรรณ ชั
ยชนะศิ
ริ
…เรื่
อง