Page 31 - july52

Basic HTML Version

วารสารวั
ฒนธรรมไทย
29
ในช่
วงเวลาที่
เป็
นอธิ
การบดี
วิ
ทยาลั
ยครู
อุ
ตรดิ
ตถ์
พิ
บู
ลสงคราม
พิ
ษณุ
โลก และเชี
ยงใหม่
นั้
น ได้
มี
การพั
ฒนาศู
นย์
ศิ
ลปวั
ฒนธรรม
ในสถาบั
นอุ
ดมศึ
กษา เพื่
อพั
ฒนาท้
องถิ่
นได้
กว้
างขวาง และลงสู่
ประชาชน
อย่
างแท้
จริ
ง โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งที่
วิ
ทยาลั
ยครู
พิ
บู
ลสงครามพิ
ษณุ
โลก
และเชี
ยงใหม่
สามารถจั
ดงานมหกรรมศิ
ลปวั
ฒนธรรมพื้
นบ้
านระดั
นานาชาติ
และนำศิ
ลปวั
ฒนธรรมของท้
องถิ่
นในประเทศไทยไปแสดง
ระดั
บนานาชาติ
ทั้
งภู
มิ
ภาคเอเชี
ย ยุ
โรป และอเมริ
กา ซึ่
งประสบ
ความสำเร็
จได้
อย่
างน่
าภาคภู
มิ
ใจ การแสดงและดนตรี
พื้
นบ้
านของไทย
แต่
ละภาคนั้
น ล้
วนแต่
เป็
นภู
มิ
ปั
ญญาของคนท้
องถิ่
นซึ่
งเป็
นเจ้
าของ
วั
ฒนธรรมไทยอย่
างแท้
จริ
ง โดยเฉพาะวงดนตรี
ซะล้
อ ซอ ซึ
ง ประกอบด้
วย
ช่
างฟ้
อนและกลองสะบั
ดชั
ย รำมั
งคละซึ่
งเป็
นดนตรี
เพื่
อความเป็
ศิ
ริ
มงคล กลองยาว และเต้
นกำรำเคี
ยว โปงลาง และเซิ้
งอี
สาน ตลอดจน
รำโนราซึ่
งล้
วนแต่
สร้
างความตื่
นตาตื่
นใจให้
แก่
ชาวโลก และนั
กท่
องเที่
ยว
ได้
จดจำอย่
างมิ
รู้
ลื
มมาแล้
วทั้
งสิ้
ตั้
งแต่
เกษี
ยณเมื่
อ พ.ศ. ๒๕๓๘ จนกระทั่
งปั
จจุ
บั
น ได้
รั
บมอบหมาย
ให้
ทำหน้
าที่
ประธานสภาวั
ฒนธรรมจั
งหวั
ดสุ
โขทั
ยได้
ศึ
กษาค้
นคว้
เรื่
องมั
งคละอย่
างต่
อเนื่
อง จนได้
พบหลั
กฐาน เอกสาร และคำบอกเล่
ทำนองประวั
ติ
ศาสตร์
ท้
องถิ่
นจนกระทั่
งเป็
นที่
ประจั
กษ์
และยอมรั
บได้
มั
งคละนั้
นเป็
นการละเล่
นพื้
นบ้
าน พื้
นเมื
อง มาตั้
งแต่
ยุ
คสุ
โขทั
เป็
นราชธานี
เป็
นดนตรี
ที่
สื
บทอดมาทางพุ
ทธศาสนา จากศรี
ลั
งกาเข้
าสู่
นครศรี
ธรรมราชและสุ
โขทั
ย โดยเฉพาะในรั
ชสมั
ยพระยาลิ
ไท
อาราธนาและต้
อนรั
บพระสั
งฆราชเข้
ามาพำนั
กที่
วั
ดป่
ามะม่
วง
ด้
วยการปู
ผ้
าแพร ๕ สี
ให้
พระสั
งฆราชเดิ
นตามขบวนกลองมั
งคละ
ตั้
งแต่
ประตู
เมื
องด้
านหั
วนอนจนถึ
งวั
ดที่
พำนั
ก ซึ่
งแต่
เดิ
มนั้
นกลองมั
งคละ
จะเล่
นประกอบพิ
ธี
อั
นเป็
นมงคลทางพุ
ทธศาสนาเท่
านั้
น เพราะว่
มั
งคละ หมายถึ
ง มงคล (พจนานุ
กรมฉบั
บราชบั
ณฑิ
ตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒,
หน้
า ๘๕๐) ซึ่
งพอจะรวมเป็
นสาระสำคั
ญได้
ว่
า มั
งคละนั้
นเป็
นดนตรี
ที่
มี
มาตั้
งแต่
ยุ
คสมั
ยสุ
โขทั
ยเป็
นราชธานี
เมื่
อ ๗๐๐ กว่
าปี
มาแล้
คุ
ณสมชาย เดื
อนเพ็
ญ นั
กวิ
ชาการประวั
ติ
ศาสตร์
เคยสำรวจ
เชิ
งประจั
กษ์
ว่
า อาณาเขตรอบเมื
องสุ
โขทั
ยที่
ชาวบ้
านยั
งพู
ดด้
วยสำเนี
ยง
ของ
“คนซุ
โข่
ไท”
แล้
วจะเล่
นมั
งคละเป็
นดนตรี
พื้
นบ้
านทั้
งสิ้
น อาทิ
วงมั
งคละ ศู
นย์
วั
ฒนธรรมอำเภอพิ
ชั
ย จั
งหวั
ดอุ
ตรดิ
ตถ์
วงดนตรี
พื้
นบ้
าน
ตำบลบ้
านสะเดี
ยง อำเภอเมื
อง จั
งหวั
ดเพชรบู
รณ์
วงมั
งคละคณะสมเกี
ยรติ
ปี่
กลอง และวงดนตรี
มั
งคละคณะพรเมื
องพรหม อำเภอพรหมพิ
ราม
จั
งหวั
ดพิ
ษณุ
โลก และโดยเฉพาะวงมั
งคละคณะวั
งจั
นทร์
ของสถาบั
ราชภั
ฏพิ
บู
ลสงครามพิ
ษณุ
โลก เป็
นต้
สำหรั
บวงมั
งคละของสุ
โขทั
ย ในระยะแรกที่
สถาบั
นราชภั
พิ
บู
ลสงครามได้
ค้
นคว้
านั้
นได้
พบว่
า วงมั
งคละบ้
านสวน ยั
งพอมี
การแสดง
ในท้
องถิ่
นอยู่
แต่
ทั้
งผู้
เล่
นกลองและคนที่
ชอบรำล้
วนแต่
สู
งอายุ
เกิ
นกว่
า ๖๕ ปี
ทั้
งสิ้
น ต่
อมาจึ
งทราบว่
ายั
งมี
วงมั
งคละในอำเภอ
กงไกรลาศ (ปั
จจุ
บั
นหั
วหน้
าวง อายุ
มากกว่
า ๗๐ ปี
) ซึ่
งผู้
อำนวยการ
โรงเรี
ยนกงไกรลาศพิ
ทยา กำลั
งให้
การสนั
บสนุ
นนำมาฝึ
กสอนให้
แก่
นั
กเรี
ยน เพื่
อเป็
นภู
มิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
นไทย และที่
ต้
องถื
อว่
าเป็
นบุ
คคล
สำคั
ญทางด้
านมั
งคละของชาวสุ
โขทั
ยในยุ
ค ๓๐-๔๐ ปี
ที่
ผ่
านมา คื
ผอ.สำเนา จั
นทร์
จรู
ญ ประธานสภาวั
ฒนธรรมอำเภอศรี
สำโรง
ซึ่
งพวกเราชาววั
ฒนธรรมให้
การยกย่
องและนั
บถื
อตลอดมา
เมื่
อต้
นปี
๒๕๕๒ นั
บว่
าเป็
นนิ
มิ
ตหมายที่
ดี
ที่
อบต.เมื
องบางขลั
อำเภอสวรรคโลก จั
งหวั
ดสุ
โขทั
ย ได้
จั
ดโครงการ
“เอกลั
กษณ์
แห่
งเมื
องบางขลั
งในมั
งคละ”
ให้
เยาวชนเห็
นความสำคั
ญและคุ
ณค่
ตลอดจนช่
วยกั
นอนุ
รั
กษ์
เรี
ยนรู้
สื
บทอด และเผยแพร่
การแสดงดนตรี
มั
งคละซึ่
งเป็
นภู
มิ
ปั
ญญาทางด้
านดนตรี
พื้
นเมื
องของบรรพชน
คนสุ
โขทั
ย แต่
ครั้
งกรุ
งสุ
โขทั
ยเป็
นราชธานี
แห่
งแรกของคนไทย
ในสุ
วรรณภู
มิ
เมื่
อ ๗๐๐ กว่
าปี
ที่
ผ่
านมา นั
บว่
าเป็
น อบต. แห่
งแรกที่
ได้
เป็
นหั
วเรี่
ยวหั
วแรงในเรื่
องนี้
โดยจั
ดอุ
ปกรณ์
“ชุ
ดกลองมั
งคละ
ที่
ครบชุ
ด”
มอบให้
แก่
โรงเรี
ยน ๕ แห่
ง ใน อบต.เมื
องบางขลั
และโรงเรี
ยนธารชะอม ในอำเภอทุ่
งเสลี่
ยมอี
ก ๑ ชุ
ดด้
วย
โดยกลองมั
งคละที่
ได้
จั
ดทำขึ้
นนั้
น ได้
อาศั
ยความสามารถ
ของคุ
ณวั
นชั
ย บุ
ญญา (และคณะ) ผู้
ทรงภู
มิ
ปั
ญญาทางด้
านดนตรี
พื้
นบ้
าน ทั้
งในฐานะหั
วหน้
าวง ผู้
เล่
นและผู้
ผลิ
ตอุ
ปกรณ์
ดนตรี
ไทย
ได้
หลายประเภท อาทิ
เครื่
องปี่
พาทย์
กลองยาว ขลุ่
ย ซอ และดนตรี
มั
งคละได้
ครบครั
น เป็
นเครื่
องดนตรี
ที่
มี
คุ
ณภาพได้
มาตรฐาน และมี
ราคาไม่
แพงจนเกิ
นไป และที่
นั
บว่
ามี
คุ
ณค่
าที่
น่
านั
บถื
อ คื
อ การอุ
ทิ
ศตน
เ ป็
นค รู
ผู้
ถ่
า ยทอดก า ร เ ล่
นดนต รี
แ ต่
ล ะ ป ร ะ เ ภท ใ ห้
อี
กด้
ว ย
บุ
คคลสำคั
ญที่
ชาวสุ
โขทั
ยภาคภู
มิ
ใจในฐานะศิ
ลปิ
นดี
เด่
นของ
สำนั
กงานคณะกรรมการวั
ฒนธรรมแห่
งชาติ
คื
อ อาจารย์
ประที
ป สุ
ขโสภา
เจ้
าของฉายา
“ตี
กรั
บขยั
บทำนอง”
และได้
รั
บพระราชทานปริ
ญญา
ดุ
ษฎี
บั
ณฑิ
ตกิ
ตติ
มศั
กดิ์
ทางด้
านดนตรี
พื้
นบ้
าน จากมหาวิ
ทยาลั
ราชภั
ฏพิ
บู
ลสงครามพิ
ษณุ
โลก ได้
มาช่
วยส่
งเสริ
มกิ
จกรรมดั
งกล่
าว
ที่
ชาวบางขลั
งให้
ความเคารพนั
บถื
ออย่
างมิ
รู้
เสื่
อมคลาย
ผู้
เขี
ยนมี
ความมั่
นใจอยู่
ตลอดเวลาว่
าคณะผู้
บริ
หาร อบต.
เมื
องบางขลั
ง อำเภอสวรรคโลก จั
งหวั
ดสุ
โขทั
ย นั้
น ล้
วนมี
วิ
สั
ยทั
ศน์
ที่
กว้
างไกล และได้
ทุ่
มเทการพั
ฒนาทั้
งด้
านงบประมาณและทรั
พยากร
อย่
างต่
อเนื่
องให้
กั
บงานด้
านการศึ
กษา ศาสนา ศิ
ลปวั
ฒนธรรม และ
ประวั
ติ
ศาสตร์
ท้
องถิ่
น และในอนาคตที่
ไม่
นานเกิ
นรอ ในงานเผาเที
ยน
เล่
นไฟ ซึ่
งเป็
นงานเอกลั
กษณ์
ของชาวสุ
โขทั
ย จะมี
“มหกรรมดนตรี
พื้
นบ้
านเมื
องบางขลั
งในมั
งคละ”
ให้
ทั้
งชาวซุ
โข่
ไท ชาวไทย
และนั
กท่
องเที่
ยวนานาชาติ
ได้
ชื่
นชมอย่
างแน่
นอน