วารสารวั
ฒนธรรมไทย
12
ใ
นแต่
ละปี
นั้
นจะมี
ประเพณี
และวั
นสำคั
ญต่
าง ๆ
มากมายให้
ชาวไทยได้
ทำกิ
จกรรมร่
วมกั
น และ
ในเดื
อนกรกฎาคมนั้
นก็
มี
วั
นสำคั
ญทางพุ
ทธศาสนา
อยู่
๒ วั
นด้
วยกั
น คื
อ วั
นอาสาฬหบู
ชาและ
วั
นเข้
าพรรษา ทั้
ง ๒ วั
นนี้
จะเป็
นวั
นที่
ชาวพุ
ทธทั้
งหลายจะได้
บำเพ็
ญกุ
ศล
ทำบุ
ญตั
กบาตรและเวี
ยนเที
ยนร่
วมกั
น
วั
นอาสาฬหบู
ชา หมายถึ
ง การบู
ชาในวั
นเพ็
ญเดื
อน
อาสาฬหะ หรื
อเดื
อน ๘ เนื่
องในโอกาสคล้
ายวั
นที่
พระพุ
ทธเจ้
า
ทรงประกาศพระศาสดาเป็
นครั้
งแรก โดยแสดงปฐมเทศนา คื
อ
ธรรมจั
กกั
ปวั
ตนสู
ตร เป็
นผลให้
เกิ
ดมี
พระสาวกรู
ปแรกขึ้
น
ในพระพุ
ทธศาสนา จึ
งถื
อได้
ว่
าเป็
นวั
นแรกที่
มี
พระพุ
ทธ พระธรรม
พระสงฆ์
ครบเป็
นองค์
พระรั
ตนตรั
ย
วั
นอาสาฬหบู
ชาตรงกั
บวั
นเพ็
ญเดื
อน ๘ ก่
อนวั
น
เข้
าพรรษา ๑ วั
น เป็
นวั
นที่
พุ
ทธศาสนิ
กชนแสดงความเคารพต่
อ
พระสงฆ์
อาสาฬหะเป็
นชื่
อเดื
อน ๘ อาสาฬหบู
ชาย่
อมาจากคำว่
า
อาสาฬหบู
รณมี
บู
ชา แปลว่
า การบู
ชาพระในวั
นเพ็
ญเดื
อน ๘
ถ้
าปี
ใดมี
เดื
อน ๘ สองครั้
ง ก็
จะเลื่
อนไปเป็
นวั
นขึ้
น ๑๕ ค่
ำ
เดื
อน ๘ หลั
ง หลั
งจากสมเด็
จพระพุ
ทธองค์
ได้
ตรั
สรู้
ในวั
นเพ็
ญ
เดื
อน ๖ แล้
วได้
ทรงใช้
เวลาทบทวนสั
จธรรม และทรงคำนึ
งว่
าธรรมะ
ที่
พระองค์
ตรั
สรู้
นี้
ลึ
กซึ้
งมาก ยากที่
ผู้
อื่
นจะรู้
ตาม แต่
อาศั
ย
พระกรุ
ณานี้
เป็
นที่
ตั้
ง จึ
งทรงพิ
จารณาแบ่
งบุ
คคลออกเป็
น
๔ ประเภท (บั
ว ๔ เหล่
า) คื
อ
ปิ
ยนั
นท์
สุ
ริ
วั
ฒน์
...เรี
ยบเรี
ยง
วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา
๑. อุ
คฆฏิ
ตั
ญญู
ดอกบั
วที่
อยู่
พ้
นน้
ำ
๒. วิ
ปั
จจิ
ตั
ญญู
ดอกบั
วที่
อยู่
ปริ่
มน้
ำ
๓. เนยยะ ดอกบั
วที่
อยู่
ใต้
น้
ำ
๔. ปทปรมะ ดอกบั
วที่
จมอยู่
กั
บโคลนตม
จึ
งทรงมี
พระกรุ
ณาธิ
คุ
ณระลึ
กอาฬารดาบสและ
อุ
ททกดาบส ว่
ามี
กิ
เลสเบาบางสามารถตรั
สรู้
ได้
ทั
นที
แต่
ท่
าน
ทั้
ง ๔ ได้
ตายแล้
ว จึ
งทรงระลึ
กถึ
งปั
ญจวั
คคี
ย์
ได้
ทรงแสดง
พระธรรมเทศนาแก่
ปั
จวั
คคี
ย์
ทั้
ง ๕ คื
อ โกณฑั
ญญะ วั
ปปะ ภั
ททิ
ยะ
มหานามะ และอั
สชิ
ซึ่
งล้
วนแล้
วแต่
เป็
นผู้
อุ
ปฐาก พระพุ
ทธเจ้
า
เมื่
อครั้
งยั
งทรงบำเพ็
ญทุ
กข์
กิ
ริ
ยาอยู่
พระธรรมที่
พระพุ
ทธองค์
ทรงเทศนาในครั้
งนี้
มี
ชื่
อธรรมจั
กกั
ปปวั
ตนสู
ตร ซึ่
งมี
อริ
ยสั
จ ๔
หรื
อความจริ
งอั
นประเสริ
ฐ ๔ ประการ ได้
แก่
๑. ทุ
กข์
ความไม่
สบายกาย ไม่
สบายใจ
๒. สมุ
ทั
ย เหตุ
ให้
เกิ
ดทุ
กข์
๓. นิ
โรธ ความดั
บทุ
กข์
๔. มรรค ข้
อปฏิ
บั
ติ
ให้
ถึ
งความดั
บทุ
กข์
หลั
งจากแสดงพระธรรมเทศนาแล้
ว ท่
านโกณฑั
ญญะ
ได้
ดวงตาเห็
นธรรมเป็
นคนแรก ได้
กราบทู
ลขอบวช และพระพุ
ทธองค์
ก็
ทรงอนุ
ญาต โดยทรงทำการอุ
ปสมบทให้
แบบเอหิ
ภิ
กขุ
อุ
ปสั
มปทา
นั
บเป็
น
“ปฐมสาวก”
ของพระพุ
ทธเจ้
า ดั
งนั้
นในวั
นนี้
จึ
งเป็
น
วั
นแรกที่
มี
พระรั
ตนตรั
ยครบองค์
สาม คื
อ พระพุ
ทธ พระธรรม
และพระสงฆ์
เนื่
องจากพระพุ
ทธองค์
ทรงเทศนาเป็
นกั
ณฑ์
แรก