Page 60 - Culture3-2016
P. 60
สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ๑ ผคู้ น้ ควา้ เรอื่ งประวตั ศิ าสตร์ ตลาดหนองมนสาธิตวิธีการเผาข้าวหลามให้ชม ๑ แตล่ ะรา้ นคา้ จะมสี ตู ร
วัฒนธรรมโบราณในภูมิภาคอุษาคเนย์กล่าวว่า
จนกลายเป็นข่าวดังทั่วประเทศ นับแต่นั้นมา ผสมขา้ วไมเ่ หมอื นกนั
ชว่ งระยะเวลาในการเผา
กรรมวธิ กี ารทา ขา้ วหลามอาจแตกตา่ งไปตามภมู ภิ าค ตลาดหนองมนกับของฝากพลาดไม่ได้อย่าง
และความแรงของไฟ
แตห่ลกัๆแลว้ตอ้งใช้“ขา้ว”ทเ่ีปน็“ขา้วเหนยีว”ข้าวหลามจงึกลายเป็นของคู่กัน
กแ็ ตกตา่ งเชน่ กนั
๒ หลงั จากเผาเสรจ็
มาทา ขา้ มหลามจงึ เปน็ ร่องรอยการกนิ ข้าวเหนยี ว ขณะท่ีข้าวหลามนครปฐมมีประวัติมา
เปลอื กนอกของบอ้ ง
อกี แงม่ มุ หนงึ่ ของผคู้ นในทอ้ งถนิ่ อษุ าคเนยม์ ากอ่ น ยาวนาน เพราะมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายเก่าเมื่อ ขา้ วหลามจะถกู ถากออก
และถกู นาํา ไปใชเ้ ปน็
ข้าวเจ้า จึงนับได้ว่าข้าวหลามหรือการหลามข้าว ครงั้ ทร่ี ชั กาลท่ี ๕ เสดจ็ ฯ เยอื นนครปฐม ผา่ นบรเิ วณ
เชอื้ เพลงิ เผาขา้ วหลาม
เป็นกรรมวธิ ปี รงุ อาหารยคุ เรมิ่ แรกของผ้คู นกนิ ข้าว สถานรี ถไฟมาองคพ์ ระปฐมเจดยี ์ ในภาพมคี นขาย
ในวนั ถดั ไป
(เหนยี ว) ในภมู ิภาคนี้
ข้าวหลามสองข้างทางให้เห็นแล้ว จากประวัติเล่า
การทาข้าวหลามจึงเป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อ ต่อกันว่าแหล่งกาเนิดการทาข้าวหลามคือบริเวณ
มาจากรนุ่ สรู่ นุ่ เพราะเพยี งเพม่ิ เครอื่ งตา่ งๆ เตมิ กะทิ ชมุ ชนบา้ นพระงาม ตา บลพระปฐมเจดยี ์ โดยทา กนั
เพียงเท่าน้ีก็กลายเป็นขนมและเป็นของฝาก ทุกครัวเรือนปีละ๑คร้งัในช่วงเทศกาลหลงั ๓คา่
ยอดนิยมไปแล้ว
เดอื น ๓ จนถงึ เดอื น ๔ (ราวเดอื นมนี าคม-เมษายน)
ต่อมาก็ทาขายตลอดปีเมื่อมีคนทาขายเป็นอาชีพ
ขา้วหลามยอดนยิม
ยุคทองของข้าวหลามนครปฐมอยู่ในช่วงทศวรรษ
ข้าวหลามขึ้นชื่อในหมู่นักชิมนักเดินทาง ๒๕๐๐ หลังการสาธิตการทาข้าวหลามถวายแด่
และข้ึนช่ืออาหารว่างระดับOTOPคงหนีไม่พ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเดจ็พระเจ้า
ขา้วหลามหนองมนชลบรุีและขา้วหลามนครปฐม โบดวงในวโรกาสที่เสด็จฯมาจังหวัดนครปฐม
ที่มีเอกลักษณ์คือ รสชาติหอม หวาน มัน เข้มข้น เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ จงึ มชี อื่ ทค่ี นทว่ั ไปเรยี กขานกนั
เพราะมหีวักระทิและมหีนา้หลากหลายเชน่สงัขยา ว่า“ขา้วหลามเสวย”ตัง้แต่นั้นมา
ถวั่ ดา กะทิ เผือก เป็นต้น
กรอกภูมปิัญญาใสก่ระบอก
จดุเรมิ่ตน้ความนยิมของขา้วหลามหนองมน
มีประวัติที่เล่าต่อกันมาว่าแต่เดิมชาวหนองมน กวา่ จะมาเปน็ ขา้ วหลามหนง่ึ กระบอกทอี่ ดั แนน่
ทา นาเปน็ หลกั ทา ขา้ วหลามขายเปน็ รอง เมอื่ หมดฤดู ด้วยความอร่อยจึงมิได้มีเพียงส่วนผสมหลักอย่าง
ทา นากข็ นึ้ ตดั ไมไ้ ผบ่ นเขาบอ่ ยาง แลว้ เอาขา้ วเหนยี ว ข้าวเหนียว กะทิ นา้ ตาล เกลือ เพ่ิมเครื่องอย่าง
ที่ปลูกได้ไปแลกน้าตาลกับมะพร้าวจากบ้านอ่ืนๆ ถั่วดา เผือก ฯลฯ เท่าน้ัน หากยังรวมถึงความรู้
เพื่อมาทาข้าวหลามขาย ต่อมาเม่ือถนนสุขุมวิท และภมู ปิ ัญญาทสี่ ่งต่อกนั มา ตลอดจนการคดั สรร
(สายเก่า) ตัดมาถึงในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เพ่ือเปิด สงิ่ ตา่ งๆ เพอื่ มาประกอบเป็นขา้ วหลาม ดงั ต่อไปน้ี
เส้นทางท่องเที่ยวชายหาดบางแสน นักท่องเท่ียว ไมไ้ ผ่
จึงได้แวะซื้อข้าวหลามเป็นของฝาก ประกอบกับ
การเลอื กไผม่ าทา ขา้ วหลามกเ็ ปน็ สว่ นสา คญั
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ของความอร่อย ไผ่ที่เหมาะทาข้าวหลามมีหลาย
มาพักตากอากาศที่บางแสนพร้อมนายพลเนวิน ชนิด เช่น ไผ่ข้าวหลามหรือไม้ป้าง ไผ่สีสุก ไผ่ป่า
ผู้นาประเทศพม่า ได้สั่งให้แม่ค้าข้าวหลามท่ี
ไผเ่ ปาะ ไผห่ นาม ไผก่ าบแดง ทนี่ ยิ มคอื ไผข่ า้ วหลาม
๑สจุิตต์วงษ์เทศ.๒๕๕๙.หลามข้าว-ข้าวหลามต้นการปรงุอาหารสวุรรณภมูิ.(ออนไลน์)แหล่งทีม่าhttp://www.sujitwongthes.
com/suvarnabhumi/2011
๑
58