Page 91 - Culture2-2016
P. 91
ท้ายพิกุลอาเภอพระพุทธบาทจังหวะสระบุรีซึ่งเป็นชมุชนของ ขนั้ตอนตอ่มาคอืการแกะปากนกแกว้ชา่งจะเจาะรขูนาด
คนลาวเช่นเดียวกัน เมื่อหลายสิบปีก่อนนับเป็นจุดหมายที่ไกล เล็กก่อน ค่อยใช้มีดแกะขยายขนาดเป็นช่องส่ีเหล่ียมผืนผ้า
และกันดาร คนรุ่นปู่และรุ่นพ่อเวลาเดินทางไป “ตกไม”้ หรือ จากนั้นทาดากขลุ่ยโดยใช้ไม้สักทองเหลากลมให้มีขนาดพอดี
หาไม้รวก ต้องบากบ่นั ไปด้วยเกวียนและเรือกว่าจะถงึ
กับรูด้านในของขลุ่ย แล้วใช้คมมีดปาดส่วนปลายของดาก
“ไม้รวกที่สระบุรีเหมาะสาหรับทาขลุ่ยเพราะท่ีน่ัน ในแนวเฉยีงให้เว้าเป็นช่องลมผ่านได้
เป็นที่ดอน น้าน้อย กว่าไผ่รวกจะโตใช้เวลานาน เนื้อไม้จึงแห้ง ขณะที่สอดไม้ดากเข้าไปในรูของเลาขลุ่ยทางด้านปาก
และแนน่ มเี ยอ่ื ข้างในมาก เมอื่ ใช้ทาขลยุ่ ทาใหแ้ ก้วเสยี งมพี ลงั ” ขลุ่ย ช่างจะเป่าเพื่อทดสอบลมและเสียง พร้อมหมุนไม้ดาก
ครูสนุยัอธิบาย
ปรับมุมให้พอดีกับปากนกแก้วกระท่ังได้เสียงที่ไพเราะถูกใจ
เม่ือได้ไม้รวกกลับมาแล้วก็นามาตัดตามความยาวของ ก็เลื่อยปลายไม้ดากส่วนเกินออก และเจียรให้เรียบ จากนั้น
ปล้องไม้ แล้วตากแดดราว ๑๕-๒๐ วัน พอเนื้อไม้แห้งสนิทค่อย ใช้เทียนไขหลอมละลายอุดรูโหว่ระหว่างไม้ดากกับผิวด้านใน
นามาขัดผิว จากน้ันใช้สเกลเทียบเสยี งมาลงจุดสาหรบั เจาะรู
เลาขลุ่ย เพื่อไม่ให้ลมรวั่ ระหว่างเป่า
ชมุ ชนบา้ นลาวเพง่ิ เรม่ิ ผลติ ขลยุ่ เพอ่ื ขายในยคุ หลงั เมอ่ื ประมาณ ๖๐ ปมี าแลว้
โดยมกี ารสบื ทอดภมู ปิ ญั ญาการทาํา ขลยุ่ จากรนุ่ สรู่ นุ่ จากพอ่ แมส่ ลู่ กู หลาน
89
เมษายน-มถิ นุ ายน ๒๕๕๙