Page 64 - Culture2-2016
P. 64
สงิ่ สา คญั ของการอยไู่ ฟ คอื เชอื้ เพลงิ ทใี่ หค้ วามรอ้ น ตอ้ ง ลูกจะเป็นกระสือ สามีต้องเป็นผู้ช่วยแม่สุมไฟทั้งกลางวันและ
เป็นฟืนหรอื ถ่านทไี่ มแ่ ตกเปน็ สะเกด็ ไฟ ควนั น้อยและไม่แสบตา กลางคนื ‘ชว่ งกลางคนื แมก่ า๋ เดอื นตอ้ งเตรยี มไมเ้ รยี วไวข้ า้ งๆ ตวั
และตอ้ งเปน็ ไมท้ ไ่ี มม่ พี ษิ ถา้ ไดไ้ มท้ ชี่ อื่ เปน็ มงคลดว้ ยจะดมี าก เชน่ ๑ อัน หากสามีเผลอหลับ ไฟดับ จะใช้ไม้เรียวคอยสะกิดสามี
ไมจ้ กิ ไมแ้ ก ไมแ้ สนคา ไมต้ วิ้ ไมแ้ ต้ ทนี่ ยิ มมากคอื ไมม้ ะขามปอ้ ม ให้ช่วยเติม’
ไม้คอมดงัคาโบราณว่า“ไมข้ามปอ้มไมค้อมถกูจงึเปน็แนว” แม่ต้องกลับหรือพลิกลาตัวทุก๑๕นาทีโดยประมาณ
ไมท้มี่พีษิหา้มใช้เชน่ตน้น้าเกลยี้งไมก้งุไมแ้ดงไมดู้่ไมก้ระบก เพือ่ให้ทุกส่วนของร่างกายทัง้ด้านหน้าด้านหลังแขนขาและ
ไม้พันชาด ส่วนภาคเหนือ ฟืนหรือหรั่วที่ให้ใช้ได้มีไม่ก่ีชนิด เทา้ ไดร้ บั ความรอ้ นอยา่ งสมา่ เสมอ รวมถงึ การยนื ครอ่ มไฟ หรอื
เช่น ไม้มะขาม ไม้แพ่ง ไม้แต้ว และต้องเลือกตัดจากต้นที่มี ใช้วิธีน่ังข้างที่นอน อ้าขาให้ช่องคลอดได้ความร้อนจากไฟด้วย
ชีวิตเท่านั้น ฟืนท่ีได้ต้องนามาปอกเปลือกออก ตากแห้งไว้ เรียกว่า การขางช่องคลอด เปรียบเสมือนการอบฝีเย็บในการ
ให้พอใช้ตลอดระยะเวลาอยู่ไฟ ไม้เปียกจะติดไฟยากและถ้ามี แพทยป์ จั จบุ นั ชว่ ยใหแ้ ผลแหง้ ไมบ่ วม และหายเรว็ ขนึ้ นอกจากนี้
เปลือกติดไฟแล้วจะมีควัน มีกลิ่นเหม็น คนอีสานยังว่าต้องตัด ยงั มกี ารขางเตา้ นมเพอื่ ใหน้ า้ นมออกดี และการขางหนา้ ดว้ ยการ
เป็นท่อนเล็กๆเพอ่ืให้เวลาตดิไฟจะได้ไหม้หมดโดยไม่ต้องพลิก โรยเกลอืลงในเตาไฟใชผ้า้คลมุศรีษะแลว้ลมืตาเขา้หาไฟเชอ่ืวา่
เพราะเช่ือว่าถ้าพลกิจะทาให้ผู้อยู่ไฟเกิดผดผืน่
ทาให้ตาสว่างไม่มัวเมื่อแก่เฒ่าและใบหน้าจะขาวนวลไม่มีฝ้า
สถานท่ีทใี่ช้อยู่ไฟ
บ้านเรือนสมัยก่อนยกพื้นใต้ถุนสงู บางคนใช้มะนาวถหู น้า ขมิน้ ทาตวั ด้วย
จึงให้แม่อยู่ไฟบนเรือน โดยก้ันบริเวณให้มิดชิด จึงมักเลือกใช้ นอกจากการอยไู่ ฟตามหลกั ใหญท่ วี่ า่ แลว้ ยงั มกี ระบวนการ
ห้องครัว ส่วนการทาเตาไฟน้ันเลือกใช้ท่อนไม้หรือต้นกล้วย อนื่ ๆ ทใ่ี ชใ้ นการฟน้ื ฟรู า่ งกายแมร่ ว่ มดว้ ย คอื การเขา้ กระโจมยา
หั่นเป็นท่อนกั้นล้อมเป็นส่ีเหลี่ยม แล้วนากาบกล้วยปูรองเป็น ประคบตัว การทับหรือน่ึงหม้อเกลือและการนั่งถ่าน ส่วนใหญ่
ช้ันแรกก่อนเทดินลงไปเป็นพื้นเตาเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟลามถึง ทาในครอบครวั ทคี่ อ่ นขา้ งมฐี านะดี เพราะสมนุ ไพรหายาก และ
พนื้ เรอื น สา หรบั ดนิ ทนี่ า มาใชต้ อ้ งทา พธิ หี รอื เอย่ ขอกบั แมธ่ รณดี ว้ ย ต้องว่าจ้างหมอตา แยมาทา ให้
และเม่ือออกไฟแล้วต้องนา กลับไปคืนที่เดิม นอกจากเตาไฟใต้
แม่สะแนนแลว้ยังต้องมเีตาข้างๆสาหรับต้มน้าสมุนไพรกนิและ ช่วงการอยูไ่ ฟหญงิ หลังคลอดจะได้รับการดูแลเอาใจใส่เปน็ อยา่ งดี มกี ารนวด
ประคบเปยี กเพอ่ื กระตุน้ การไหลเวยี นของโลหิต และบําารุงผวิ ซึ่งต้องอยกู่ ับ
อาบ รวมถงึ นา้ อกี โอ่งหนงึ่ หรอื ไหหนงึ่ หากไฟในเตาลกุ แดงมาก
ความรอ้นเปน็ระยะเวลานาน
เกนิ ต้องการ แม่จะได้ใช้ตกั ดับไฟได้
ระยะเวลาอยู่ไฟตา่สดุ๗วันจนถงึ๑เดือนยงิ่อยู่
ได้นานย่ิงดี ท้องแรกกาหนดอยู่ไฟอย่างน้อย ๑๕ วัน แต่ทาง
เหนือเชื่อว่าต้องอยู่ไฟอย่างน้อย ๑ เดือน จึงมีคาเรียกแม่
หลังคลอดว่า “แม่ก๋าเดือน” ถ้าเป็นลูกคนแรกต้องอยู่เลย
เดือนไป ๒-๓ วัน ถ้าเป็นลูกชายให้อยู่ ๒๕ วัน เพราะเชื่อว่า
จะทาให้ลูกชายคงกระพันกับหอกดาบ ส่วนภาคกลางกาหนด
จานวนวันเป็นเลขค่ี เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล
ต้ังแต่๗,๙,๑๑,๑๓,๑๕,๑๗และ๒๑วันมากสุดถงึ ๒๙วนั
ถือคติ “วันคู่ลูกถ่ี วันคี่ลูกห่าง” และถ้าเป็นท้องสาวจะย่ิง
ให้อยู่นานวัน
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ไฟ แม่จะนอนพักและไม่ทา อะไร
นอกจากกินน้าร้อน อาบน้าร้อน ไม่ใช้สบู่ ไม่สระผม ทั้งต้อง
ระวังไม่ให้ไฟดับ โบราณใช้ความเช่ือเป็นอุบายว่าหากไฟดับ
62