Page 55 - Culture2-2016
P. 55










๑ การร้อยมาลัยข้าวตอกต้องอาศัยความชําานาญ ความประณีตและเวลา 

๒ ฝัดข้าวแยกข้าวตอกแตกออกจากข้าวเปลือก

๓-๔ มาลัยแบบข้อ กับ มาลัยแบบสายฝน เป็นรูปแบบหลักที่ชาวบ้าน
นิยมทําากัน ส่วนรายละเอียดแตกต่างกันไปตามแต่จินตนาการของผู้ทําา










๔







ปัจจุบันไม่มีใครทราบว่าดอกมณฑารพสมัยพุทธกาลมี ของมาลัยข้าวตอกของแต่ละชุมชน หลังจากตัดสิน 

ลักษณะอย่างไร คล้ายคลึงกับดอกมณฑาซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับ มอบรางวัลกันแล้ว จึงเร่ิมตั้งขบวนแห่อันงดงามตระการตา 

ไปทอดถวายมาลัยยังวัดสาคัญต่างๆ ในตัวอาเภอ อาทิ 
พวกจาปา จาปี และย่ีหุบ หรือไม่ แต่สาหรับพุทธศาสนิกชน 

ในบ้านเราโดยเฉพาะในถิ่นอสีานยังคงมคีวามเชือ่เรอื่งดอกไม้ วัดฟ้าหยาด และวัดหอก่อง เป็นต้น

ทิพย์จากสรวงสวรรค์ตามพระไตรปิฎก โดยแสดงให้เห็นในรูป ขบวนแห่บุญพวงมาลัยจัดขึ้นในช่วงงานบุญเดือน ๓ 


ของงานประเพณแีหม่าลยัอาทิประเพณกีารแหพ่วงมาลยัไมไ้ผ่ ของทุกปีตรงกับวนัขึ้น๑๓ค่าเดือน๓หรอืก่อนวันมาฆบูชา 

ของชาวผู้ไทที่บ้านกดุหว้าอาเภอกุฉนิารายณ์จงัหวดักาฬสนิธ์ุ หนึ่งวันอันเป็นส่วนหนึ่งของฮีตสิบสองหรือจารีตประเพณี 

ซงึ่จดัเป็นประจาทุกปีในช่วงวันแรม๑๓-๑๔คา่เดือน๙โดย ประจาสิบสองเดือนของชาวอีสานที่ยึดถือปฏิบัติมาช้านาน 


การนาไม้ไผ่มาเหลาแล้วสานให้เป็นรูปทรงคล้ายร่มแล้วนามา ตามที่เคยปรากฏในคากล่าวดั้งเดิมว่า ฮีตหนึ่งน้ันเถิงเมื่อ 

ร้อยเข้าเป็นพวง เพื่อนา ไปถวายเป็นพทุ ธบูชา
เดือนสามได้จงพากันจี่ข้าวจี่ ไปถวายสังฆเจ้าเอาแท้หมู่บุญ 

ขณะท่ีงานประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก หรือ งานบุญ กุศลยังสินาค้าตามเฮามื้อละคาบ หากธรรมเนียมจังซ้ีมีแท้ 


พวงมาลัย ที่จัดอย่างย่ิงใหญ่ ณ ตาบลฟ้าหยาด อาเภอ แตน่ าน ใหท้ า ไปทกุ บา้ นทกุ ทเี่ อาบญุ พอ่ เอย คองหากเคยมมี าแต่ 

มหาชนะชัยจังหวัดยโสธรนับเป็นอีกงานประเพณีประจาปี ปางปฐมพุ้นอย่าพากนัไลถมิ้ประเพณีตง้ัแต่เก่าบ้านเมืองเฮา 


ทนี่า่สนใจและนา่จะเรยีกไดว้า่เปน็งานบญุทม่ีพีน้ืฐานความเชอื่ สิเศร้าภยัฮ้ายสแิล่นตาม

ในการจัดงานท่ีสอดคล้องกับความเชื่อเร่ืองดอกมณฑารพ กอ่ นจะถงึ วนั บญุ ใหญแ่ หง่ ปี ชาวบา้ นในอาเภอมหาชนะชยั 

จากสรวงสวรรค์มากท่ีสุดในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ สะท้อนให้ จะตระเตรยี มขา้ วตอกแตกจา นวนมากเพอื่ นา มารอ้ ยมาลยั โดยนา 


เหน็ วา่ พทุ ธศาสนาได้หยง่ั รากลกึ ในลมุ่ นา้ ชแี ถบนมี้ าชา้ นาน จน ขา้ วเปลอื กเหนยี วพนั ธด์ุ ง้ั เดมิ ทมี่ เี มลด็ ขนาดใหญแ่ ละเปน็ ขา้ วใหม่ 

นาไปสู่พิธีกรรมบูชาพระศาสดาที่พัฒนาไปเป็นงานประเพณี มาควั่ ดว้ ยไฟปานกลางในหมอ้ ดนิ เผาบนเตาถา่ น แลว้ เกลย่ี ไปมา 


สาคัญในทสีุ่ด
ด้วยก้านกล้วยอย่างรวดเรว็เพ่อืไม่ให้ข้าวเปลือกไหม้ดา

รปู แบบงานประเพณแี หม่ าลยั ขา้ วตอกทปี่ รากฏในปจั จบุ นั เหตทุ ชี่ าวบา้ นไมน่ ยิ มใชด้ า้ มไมห้ รอื ตะหลวิ เกลยี่ ขา้ วเปลอื ก 

คอื ขบวนแหพ่ วงมาลยั ทท่ี า จากเมลด็ ขา้ วตอกแตกจานวนมากมา รอ้ นๆ เนอื่ งจากกา้ นกลว้ ยมคี วามชนื้ ชว่ ยคมุ อณุ หภมู ใิ หเ้ นอ้ื ขา้ ว 


รอ้ ยเขา้ เปน็ สาย ใหด้ สู วยงามบรสิ ทุ ธด์ิ จุ มวลบปุ ผาจากสรวงสวรรค์ เหนียวค่อยๆ สะสมความร้อนจนขยายบานออกนอกเปลือก 

เพื่อนาไปบูชาพระพุทธเจ้า โดยชาวบ้านจะนัดมารวมตัวกันที่ โดยไม่ไหม้ดา นับเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาในการคั่วข้าวเปลือก 

สนามหน้าที่ว่าการอาเภอแต่เช้า เพื่อประกวดความสวยงาม
ให้แตกได้เมลด็ พองสวย ท้งั ยงั ต้องใช้คนค่วั ท่เี ช่ยี วชาญด้วย





53
เมษายน-มถิ นุ ายน ๒๕๕๙ 



   53   54   55   56   57