Page 104 - Culture1-2016
P. 104
๒) เปลย่ี น วธิ กี ารตรวจภาพยนตร์ จากเดมิ ทเ่ี ปน็ การดแู ลว้ ขณะที่ ‘รฐั ’ กใ็ สใ่ จเฉพาะวา่ หนงั จะตอ้ งไม่ ‘ฝา่ ฝนื ตอ่
อนญุ าต-หรอื ไมอ่ นญุ าต-หรอื อนญุ าต แตจ่ ะตอ้ งตดั ตอ้ งเบลอ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี’ เกินไปนัก โดยยึด
ภาพบางภาพฉากบางฉาก-ทเ่ีคยปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายเกา่ มาเปน็ ‘หลักคุณปู่’ คือมาตรา ๔ ที่ใช้มานาน ๗๘ ปี
การดแู ลว้ ตอ้ ง ‘จดั ประเภทภาพยนตร’์ กอ่ นทจ่ี ะอนญุ าต หรอื สว่ น ‘คนทเ่ี กย่ี วขอ้ งอยใู่ นวงการหรอื ธรุ กจิ หนงั ’ กต็ อ้ ง
ไมอ่ นญุ าต ตามทก่ี ฎหมายใหมก่ าํา หนดไวอ้ ยา่ งชดั เจน
ตอ่ สดู้ น้ิ รนขวนขวายกนั เองตามระดบั ฝมี อื หรอื ความคดิ หรอื การ
๓) กําาหนดให้มี ‘คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯ’ รณรงคใ์ นธรุ กจิ ของโลกทไ่ี มเ่ คยหยดุ นง่ิ และเปลย่ี นแปลงตลอดมา
ขน้ึ มาทาํา หนา้ ทน่ี ้ี (แทนตาํา รวจ) โดยมคี ณะกรรมการชอ่ื เดยี วกนั น้ี นอกจากสาระแห่งการเปลี่ยนแปลง ๔ ประการดังที่
อยใู่ นกระทรวงสองกระทรวง คอื กระทรวงวฒั นธรรมมคี ณะ กลา่ วมาแลว้ กฎหมายหนงั ฉบบั ใหมย่ งั มคี าํา วา่ ‘วดี ทิ ศั น’์ เพมิ่ ตอ่
กรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ที่จะฉาย (หรือเผยแพร่) ทา้ ยคาํา วา่ ภาพยนตรอ์ ยทู่ กุ ประโยคในกฎหมายนดี้ ว้ ย เรอื่ งของ
ในประเทศ กระทรวงทอ่ งเทยี่ วและการกฬี า มคี ณะกรรมการ วีดิทัศน์ก็เป็นเรื่องใหญ่ในสังคมอีกหนึ่งเรื่อง ถ้าจะพูดถึงกัน
พิจารณาคําาขออนุญาตของชาวต่างประเทศที่จะขอเข้ามา ก็จะต้องฉายเป็นหนังอีกเรื่องซึ่งไม่ใช่เรื่องนี้ที่เราจะเน้นกันที่
ถ่ายทําาภาพยนตร์ในประเทศ สองคณะกรรมการฯ นี้ ต่างคน สาระของการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เป็นสําาคัญ
ต่างทําาหน้าที่โดยอิสระโดยมีงานที่ต้องทําาแตกต่างกัน
หนงั กลางเรอื่ งนมี้ าถงึ จดุ ทวี่ า่ ขณะนเี้ รามี ‘การตรวจ
๔) และเหนือจากคณะกรรมการฯ สองชุดดังกล่าว
พจิ ารณาภาพยนตร’์ ทต่ี า่ งจาก‘การเซน็ เซอร’์ ในยคุ เกา่ แลว้
กฎหมายใหมก่ย็งักาําหนดใหม้ี‘คณะกรรมการภาพยนตรแ์ละ เรามีมาตรา๒๕ที่ระบุว่า“...ภาพยนตร์ที่จะนําาออก
วีดิทัศน์แห่งชาติ’ ขึ้นอีกคณะหนึ่ง ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็น ฉาย ใหเ้ ชา่ ฯลฯ ตอ้ งผา่ นการตรวจพจิ ารณาและไดร้ บั อนญุ าต
ประธาน มหี นา้ ทเ่ี กย่ี วกบั งานภาพยนตรแ์ ละวดี ทิ ศั นส์ ารพดั อยา่ ง จากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์...การขอ
นับตั้งแต่การวางแผน การออกนโยบาย ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับ อนุญาตและการอนุญาต ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
ภาพยนตร์หรือการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการชุดใหญ่เป็นผู้กําาหนด...” ต่อจาก
ในประเทศ เรื่อยไปจนถึงการพิจารณาอุทธรณ์ของแผงลอย นั้นเราก็มี มาตรา ๒๖ ที่ระบุว่า “...ในการตรวจพิจารณา
คาราโอเกะริมทางที่บางรายหยุดกิจการมานานแล้วแต่ยังมี ภาพยนตร์ฯ ให้คณะกรรมการพิจารณาฯกําาหนดด้วยว่า
การอุทธรณ์ค้างอยู่ในการพิจารณาคดี
ภาพยนตร์ที่ตรวจ จัดอยู่ในภาพยนตร์ประเภทใด...” ใน ๗
ผมฉาย ‘หนัง’ เรื่องนี้ ตั้งแต่ต้นเร่ือง มาจนถึง ประเภทที่มีรายละเอียดดังนี้ (๑) ภาพยนตร์ที่ส่งเสริมการ
กลางเร่ือง ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อที่จะบอกท่านผู้อ่านและ เรยี นรแู้ ละควรสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารดู (๒) ภาพยนตรท์ เี่ หมาะสมกบั
สาธารณชนได้ ‘ทราบในรายละเอยี ด’ และ ‘รว่ มรบั ร’ู้ วา่ ‘เรอื่ ง ผดู้ ทู วั่ ไป (๓) ภาพยนตรท์ เี่ หมาะสมกบั ผมู้ อี ายตุ งั้ แตส่ บิ สามปี
ของหนังในสังคมไทย’ นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ที่คนไทยไม่คุ้นเคย ขึ้นไป (๔) ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบห้าปี
หรือไม่รู้จัก เพียงแต่คนสามกลุ่ม อันได้แก่ ‘คนส่วนใหญ่ใน ขึ้นไป (๕) ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบแปดปี
สงั คม’ หรอื ‘รฐั ’ หรอื ‘คนทเี่ กยี่ วขอ้ งอยใู่ นวงการหรอื ธรุ กจิ หนงั ’ ขึ้นไป (๖) ภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ําากว่ายี่สิบปีดู (๗)
ไมค่ อ่ ยจะมโี อกาสไดม้ ปี ฏสิ มั พนั ธก์ นั มากนกั ตลอดระยะเวลา ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร
หนึ่งร้อยปีเศษของอายุหนังในเมืองไทย
ในวรรคท้ายของมาตรา ๒๖ ระบุว่า “...หลักเกณฑ์ใน
กล่าวคือ ‘คนส่วนใหญ่ในสังคม’ ก็ดูเสมือนว่าจะยัง
การกําาหนดว่าภาพยนตร์ลักษณะใดควรจัดอยู่ในภาพยนตร์
มองเห็นหนังในความรู้สึกที่ไม่ห่างไกลกันนักกับอารมณ์ที่
ประเภทใด ให้เป็นไปตามที่กาํา หนดในกฎกระทรวง...” ซึ่งใน
ปรากฏอยู่ในรีวิวแรกของหนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์ ทางปฏิบัติก็จะมีกฎกระทรวงที่พยายามให้คําาอธิบายอย่าง
102