ครั้
งกรุ
งสุ
โขทั
ย ดั
งหลั
กฐานพระราชพิ
ธี
จองเปรี
ยง
ที่
นางนพมาศจั
ดทำ
�กระทงถวายพระร่
วง
“...พอถึ
งการพระราชพิ
ธี
จองเปรี
ยง ในวั
นเพ็
ญ
เดื
อน ๑๒ เป็
นนั
กขั
ตฤกษ์
บรรดาประชาชนชายหญิ
ง
ต่
างตกแต่
งโคมชั
กโคมแขวนโคมลอย ทุ
กตระกู
ลทั่
ว
ทั้
งพระนคร แล้
วก็
ชวนกั
นเล่
นมหรสพสิ้
นสามราตรี
เป็
น
เยี่
ยงอย่
าง แต่
บรรดาข้
าเฝ้
าฝ่
ายบุ
รุ
ษนั้
นต่
างทำ
�โคม
ประที
ปบริ
วารวิ
จิ
ตรด้
วยลวดลายวาดเขี
ยนเป็
นรู
ปและ
สั
ณฐานต่
างๆ ประกวดกั
น มาชั
กมาแขวนเป็
นระเบี
ยบ
เรี
ยงรายตามแนวโคมชั
ย เสาระหงตรงหน้
าพระที่
นั่
ง
“
“
ชลพิ
มาน ถวายให้
ทรงอุ
ทิ
ศบู
ชาพระบวรพุ
ทธบาท ซึ่
ง
ประดิ
ษฐานยั
งนั
นมาทานที
และข้
าน้
อยก็
กระทำ
�โคมลอย
คิ
ดตกแต่
งให้
งามประหลาดกว่
าโคมพระสนมกำ
�นั
ล
ทั้
งปวง จึ
งเลื
อกผกาเกสรศรี
ต่
างๆ ประดั
บเป็
นรู
ปดอก
กระมุ
ทบานกลี
บรั
บแสงพระจั
นทร์
ใหญ่
ประมาณเท่
า
กงระแทะ ล้
วนแต่
พรรณดอกไม้
ซ้
อนสี
สลั
บให้
เป็
น
ลวดลาย แล้
วก็
เอาผลพฤกษาลดาชาติ
มาแกะจำ
�หลั
ก
เป็
นรู
ปมยุ
ระคณานกวิ
หกหงส์
ให้
จั
กจิ
กเกสรบุ
ปผชาติ
อยู่
ตามกลี
บดอกกระมุ
ท เป็
นระเบี
ยบเรี
ยบเรี
ยงวิ
จิ
ตรไปด้
วย
สี
ย้
อมสดส่
างควรจะทอดทั
ศนายิ่
งนั
ก ทั้
งเสี
ยบแซมเที
ยน
ธู
ปและประที
ปน้ำ
�มั
นเปรี
ยงเจื
อด้
วยไขข้
อพระโค...”
ศิ
ลปะงานแกะสลั
กเครื่
องสดนั้
นสื
บทอดงานมา
สู่
สมั
ยอยุ
ธยาในราชสำ
�นั
กไทย และงานนี้
ก็
ถ่
ายทอด
ต่
อมาสู่
กรุ
งรั
ตนโกสิ
นทร์
ดั
งหลั
กฐานบทพระราชนิ
พนธ์
“กาพย์
เห่
เรื
อชมเครื่
องคาวหวาน” ในพระบาทสมเด็
จ
พระพุ
ทธเลิ
สหล้
านภาลั
ย รั
ชกาลที่
๒ อั
นเป็
นยุ
คทอง
ของวรรณคดี
และศิ
ลปกรรม พระราชนิ
พนธ์
นี้
ทรงนิ
พนธ์
เพื่
อสดุ
ดี
สมเด็
จพระศรี
สุ
ริ
เยนทราบรมราชิ
นี
ซึ่
งทรงมี
ฝี
มื
อการทำ
�อาหารคาวหวานและการเรื
อนตั้
งแต่
ครั้
งยั
ง
ดำ
�รงพระยศ “เจ้
าฟ้
าหญิ
งบุ
ญรอด” ซึ่
งถ่
ายทอดให้
เห็
น
ความงามของศิ
ลปะแขนงนี้
...หมากปรางนางปอกแล้
ว
ใส่
โถแก้
วแพร้
วพรายแสง
ยามชื่
นรื่
นโรยแรง
ปรางอิ่
มอาบซาบนาสา
พลั
บจี
นจั
กด้
วยมี
ด
ทำ
�ประณี
ตน้ำ
�ตาลกวน
ติ
ดโอษฐ์
อ่
อนยิ้
มยวน
ยลยิ่
งพลั
บยั
บยั
บพรรณ
น้
อยหน่
านำ
�เมล็
ดออก
ปล้
อนเปลื
อกปอกเป็
นอั
ศจรรย์
มื
อใครไหนจั
กทั
น
เที
ยบเที
ยมที่
ฝี
มื
อนาง...
๒๖