๗
จากประกาศสงกรานต์
สู่
คำ
�ทำ
�นายโบราณ
เมื่
ออ่
านประกาศสงกรานต์
ปี
นี้
เที
ยบกั
บคำ
�ทำ
�นาย
ข้
างต้
น จะเห็
นว่
า วั
นมหาสงกรานต์
ตรงกั
บวั
นพุ
ธ วั
นเนา
ตรงกั
บวั
นพฤหั
สบดี
วั
นเถลิ
งศกตรงกั
บวั
นศุ
กร์
เขาบอก
ว่
า
ข้
าราชการชั้
นผู้
ใหญ่
จะได้
รั
บการยกย่
องจากต่
าง
ประเทศ ผลไม้
จะแพง ราชตระกู
ลจะมี
ความร้
อนใจ
แต่
พ่
อค้
าคหบดี
จะทำ
�มาค้
าขึ้
น มี
ผลกำ
�ไรมาก
นอกจาก
นี้
การที่
นางสงกรานต์
มี
อิ
ริ
ยาบถยื
นมาจะทำ
�ให้
เกิ
ดความ
เดื
อดร้
อนเจ็
บไข้
ส่
วนทางล้
านนาก็
มี
คำ
�พยากรณ์
ว่
า
ถ้
ามหาสงกรานต์
ตรงกั
บวั
นพุ
ธ
ปี
นั้
นฝนตกบ่
ทั่
วเมื
อง
หั
วปี
มี
มาก กลางปี
น้
อย ข้
าวในนาจะได้
ครึ่
งเสี
ยครึ่
ง
ของบริ
โภคจะแพง ขุ
นนางขุ
นเมื
องจะตกต่ำ
� คนเกิ
ด
วั
นศุ
กร์
มี
เคราะห์
คนเกิ
ดจั
นทร์
และวั
นเสาร์
มี
โชค
ส่
วนนางสงกรานต์
หลายคนดู
แล้
ว คงรู้
สึ
กว่
าไม่
ดุ
เท่
าไร โดยเฉพาะคำ
�พยากรณ์
ก็
ดู
เหมื
อนจะตรงกั
บสภาพ
บ้
านเมื
องอยู่
แล้
ว ไม่
ว่
าเรื่
องของแพง การเจ็
บไข้
ได้
ป่
วย ซึ่
ง
สองสามปี
ที่
ผ่
านมาจะเห็
นว่
าเป็
นเรื่
องที่
เดื
อดร้
อนกั
นทั่
วโลก
สาเหตุ
หนึ่
งก็
มาจากการทำ
�ลายธรรมชาติ
ของมนุ
ษย์
ทำ
�ให้
โลกขาดสมดุ
ล จึ
งเกิ
ดภั
ยพิ
บั
ติ
มากมาย
อย่
างไรก็
ดี
แม้
นางสงกรานต์
จะดู
ไม่
ดุ
แต่
เทวี
องค์
นี้
ก็
ยื
นขี่
ลา ถื
อเหล็
กแหลมและไม้
เท้
าเสด็
จมาในปี
เสื
อ
วั
นพุ
ธ หากมองเป็
นนั
ย ลานั้
นมั
กถู
กมองว่
าเป็
นสั
ตว์
ที่
โง่
และดื้
อรั้
น ส่
วนเสื
อโดยปกติ
ถื
อว่
าเป็
นสั
ตว์
รั
กสงบ
ยกเว้
นตอนมั
นหิ
ว มั
นก็
จะกลายเป็
นสั
ตว์
นั
กล่
าที่
อั
นตราย
และดุ
ร้
าย ขณะเดี
ยวกั
นพุ
ธคื
อ MERCURY เทพแห่
ง
การสื่
อสาร ดั
งนั้
น นางสงกรานต์
จึ
งเป็
นเสมื
อนสั
ญญาณ
เตื
อนให้
เราตระหนั
กว่
า ปี
นี้
ควรระมั
ดระวั
งการสื่
อสารให้
ดี
อย่
าหลงผิ
ดด้
วยความเขลาหรื
อดื้
อรั้
นดั
นทุ
รั
ง (เหมื
อน
ลา) ขณะเดี
ยวกั
นก็
ต้
องมี
เหล็
กแหลม (สติ
-ปั
ญญา) คอย
กำ
�กั
บ และมี
ไม้
เท้
า (สั
มมาทิ
ฐิ
-ความเห็
นชอบ/ความคิ
ด
ที่
ถู
กที่
ควร) เป็
นสิ่
งช่
วยพยุ
ง เพื่
อให้
เรารอดปลอดภั
ย
ที่
สำ
�คั
ญคื
ออย่
าปล่
อยให้
ความ
“หิ
ว”
หรื
อ
“กิ
เลสตั
ณหา”
ครอบงำ
�เป็
นอั
นขาด ไม่
ว่
าจะหิ
วเงิ
น หิ
วอำ
�นาจ หรื
อหิ
ว
ความรั
ก ฯลฯ มิ
ฉะนั้
นแล้
ว แต่
ละคนจะเป็
นดั
งเสื
อหิ
ว
ที่
จ้
องทำ
�ลายล้
างกั
นและกั
น ดี
แต่
ว่
านางมณฑาเธอยั
งมี
แก้
วไพฑู
ร์
หรื
อแก้
วตาแมวเป็
นอาภรณ์
เครื่
องประดั
บ ซึ่
งถื
อ
กั
นว่
าเป็
นหิ
นที่
ช่
วยป้
องกั
นอาถรรพ์
และภั
ยพิ
บั
ติ
ต่
างๆ ได้
“สงกรานต์
”
เป็
นปี
ใหม่
ไทย ที่
ใช้
“น้ำ
�”
สั
ญลั
กษณ์
แห่
งความอุ
ดมสมบู
รณ์
เป็
นสื่
อแสดงถึ
งความกตั
ญญู
รู้
คุ
ณต่
อ
ผู้
มี
พระคุ
ณต่
างๆ ไม่
ว่
าจะเป็
นการรดน้ำ
�ขอพรจากพ่
อแม่
ปู่
ย่
า
ตายาย ผู
้
ที
่
เราเคารพนั
บถื
อ การสรงน้
ำ
�พระหรื
อสิ
่
งศั
กดิ
์
สิ
ทธิ
์
ฯลฯ
ดั
งนั้
น เราจึ
งควรถื
อโอกาสนี้
มอบ “น้ำ
�ใจ” อภั
ยแก่
กั
นและ
กั
น เพื่
อแสดงความกตั
ญญู
ต่
อแผ่
นดิ
นถิ่
นเกิ
ด และเป็
นนิ
มิ
ต
หมายของการเริ่
มต้
นปี
ใหม่
ไทยที่
ดี
ต่
อไป
..................................................................................
หมายเหตุ
:
๑. คำ
�ว่
า “ห่
า” เป็
นการวั
ดปริ
มาณน้ำ
�ฝนแบบโบราณ
กำ
�หนดว่
า ฝนตกเต็
มบาตรขนาดกลางที
่
รองน้
ำ
�ฝนอยู
่
กลางแจ้
ง
เรี
ยกว่
า น้ำ
�ฝนห่
าหนึ่
ง
๒. “อธิ
กมาส” หมายถึ
ง ปี
ทางจั
นทรคติ
ที่
มี
เดื
อน ๘
สองหน เช่
น ปี
๒๕๕๓ นี้
ถ้
าดู
ตามปฏิ
ทิ
น เราจะเห็
นว่
ามี
เดื
อน
๘-๘ ซึ่
งเท่
ากั
บว่
า ปี
นี้
ทางจั
นทรคติ
จะมี
ถึ
ง ๑๓ เดื
อน การที่
บาง
ปี
ต้
องมี
เดื
อน ๘ สองหนนั้
น เนื่
องจากเป็
นการทดเดื
อนทาง
จั
นทรคติ
ให้
มี
ระดั
บสมดุ
ลกั
บทางสุ
ริ
ยคติ
(ที่
ปี
หนึ่
งมี
๓๖๕ วั
น)
เพราะการนั
บทางจั
นทรคติ
ที่
นั
บวั
นตามข้
างขึ้
น ข้
างแรม นั้
น
ปี
หนึ่
งๆ จะมี
เพี
ยง ๓๕๔ วั
นเท่
านั้
น ห่
างจากทางสุ
ริ
ยคติ
ถึ
ง
๑๑ วั
น หากไม่
มี
การทดเดื
อนให้
ทั
นกั
นแล้
ว นานไปจะทำ
�ให้
วั
น เดื
อนทางจั
นทรคติ
และสุ
ริ
ยคติ
เกิ
ดการคลาดเคลื่
อนกั
น
ไปมาก จนทำ
�ให้
การนั
บฤดู
กาลต่
างๆผิ
ดเพี้
ยนไปได้
เช่
น วั
น
แรม ๑ ค่ำ
� เดื
อน ๘ ซึ่
งอยู่
ในฤดู
ฝน อาจร่
นไปอยู่
ในเดื
อน
เมษายน อั
นเป็
นฤดู
แล้
ง เป็
นต้
น ดั
งนั้
น ทุ
ก ๒-๓ ปี
จึ
งจะ
มี
การทดเดื
อนทางจั
นทรคติ
ให้
ทั
นกั
บเดื
อนทางสุ
ริ
ยคติ
ใน
ทำ
�นองเดี
ยวกั
บวั
นทางสุ
ริ
ยคติ
ที่
ทุ
กๆ ๔ ปี
จะต้
องเติ
มวั
นใน
เดื
อนกุ
มภาพั
นธ์
เข้
าไปอี
ก ๑ วั
น เป็
น ๒๙ วั
น ที่
เรี
ยกว่
า
ปี
อธิ
กสุ
รทิ
น ทั้
งนี้
เพราะจริ
งๆแล้
ว ปี
หนึ่
งๆ ทางสุ
ริ
ยคติ
จะ
มี
ถึ
ง ๓๖๕.๒๕ วั
น มิ
ใช่
๓๖๕ วั
นถ้
วน ดั
งนั้
น เพื่
อรวมเศษ
วั
นที่
ตกค้
างในแต่
ละปี
ทุ
ก ๔ ปี
จึ
งให้
เพิ่
มอี
ก ๑ วั
นในเดื
อน
กุ
มภาพั
นธ์
ส่
วนการที่
ต้
องเพิ่
มเดื
อน ๘ เป็
นสองหน แทนที่
จะเป็
นเดื
อนอ้
าย เดื
อนยี่
หรื
อเดื
อนอื่
นๆ นั้
น เขาว่
า
เป็
นเพราะ ช่
วงเดื
อน ๘ จะเป็
นเดื
อนที่
เริ่
มฤดู
ฝน และ
เข้
าสู่
ฤดู
การทำ
�นา อั
นเป็
นอาชี
พหลั
กของเกษตรกรไทย
ดั
งนั้
น เดื
อนแปดจึ
งเป็
นหลั
กสำ
�คั
ญในการกำ
�หนดฝนฟ้
า
และการทำ
�นา หากมี
การคลาดเคลื่
อนไป จะทำ
�ให้
มี
ผลกระทบต่
อความเป็
นอยู่
ของชาวนา ฉะนั้
น เมื่
อจะเติ
ม
เดื
อนเพื่
อกั
นการคลาดเคลื่
อนจึ
งมาเติ
มในเดื
อน ๘ นี้
อี
กทั้
ง
ในพุ
ทธบั
ญญั
ติ
ที่
กำ
�หนดให้
พระสงฆ์
จำ
�พรรษา ในวั
นแรม
๑ ค่ำ
� เดื
อน ๘ (วั
นเข้
าพรรษา) ซึ่
งเป็
นต้
นฤดู
ฝน การเพิ่
ม
เดื
อนในเดื
อน ๘ ดั
งกล่
าว จะทำ
�ให้
ช่
วงการเข้
าพรรษา จะตรง
กั
บเดื
อน ๘ หลั
ง และตรงตามพุ
ทธบั
ญญั
ติ
ที่
ต้
องการให้
พระสงฆ์
หยุ
ดจาริ
กในฤดู
ฝน