Page 56 - apr53

เมื่ อวันที่ ๑๘ มี.ค. ๒๕๕๓ ที่ผ่ านมา สำ�นักงานคณะกรรมการ
วั ฒนธรรมแห่ งชาติ (สวช.) ได้ จัดการประชุมคณะกรรมการวั ฒนธรรม
แห่ งชาติ ครั้ งที่ ๓/๒๕๕๓ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมี
นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน และมี
ผู้ เข้ าร่วมประชุ มได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับอธิบดีของหน่วยงาน
ภายในกระทรวงวัฒนธรรม ผู้ ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรม อาทิ ศาสตราจารย์
เกียรติคุณนายแพทย์ประเวศ วะสี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง
ศาสตราจารย์ พิเศษศรีศั กร วัลลิโภดม ดร.สุวิ ชญ์ รัศมิภู ติ ซึ่ งสาระสำ�คัญ
ของการประชุ มเป็ นการเสนอและให้ ข้อคิดเห็ นโครงการ/กิจกรรมของ
กระทรวงวั ฒนธรรม ได้แก่
โครงการบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุสามเณรและบวชศีลจาริณี
ภาคฤดู ร้อนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม
ราชกุมารี ซึ่งเป็นโครงการที่กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่ วมกับ
คณะสงฆ์ ผู้ว่ าราชการจังหวั ดและสำ�นักงานวัฒนธรรมจังหวั ดทุกจังหวัด
สนั บสนุนให้เด็ ก เยาวชนและประชาชนได้รับการบรรพชาอุปสมบท
ถื อศีลปฏิบั ติธรรมตามหลั กคำ�สอนของพระพุทธศาสนา โดยมี เป้าหมาย
ทั่ วประเทศจำ�นวน ๒๐๐,๐๐๐ รูป ซึ่ งขณะนี้มีผู้ ยื่นความจำ�นงแล้วกว่ า
๓๖๓,๒๓๒ คน และมีวั ดที่เข้าร่วมโครงการในส่วนกลางจำ�นวน ๔๖ วัด
ส่ วนภูมิภาค จำ �นวน ๒,๔๔๓ วัด โดยจะจัดพิธีบรรพชาอุปสมบทและบวช
ศี ลจาริณี พร้อมกันทุกจังหวั ดทั่วประเทศในวั นที่ ๑ เม.ย. ๕๓
การดำ �เนินงานวันอนุ รั กษ์ มรดกไทย ซึ่ งในปี ๒๕๕๓ นี้
กรมศิ ลปากรจะดำ�เนินโครงการวันอนุรั กษ์มรดกไทย เรื่อง งานช่างกับ
มรดกศิ ลปวัฒนธรรม ในหัวข้อ ช่างพื้นบ้าน เพื่อบ่ งบอกถึงภูมิ ปัญญา
ที่ ช่างพื้นบ้ านได้สร้างสรรค์ งานที่มี คุณค่ าเป็นมรดกของชาติ โดยจะจัด
งานตั้ งแต่วั นที่ ๒ – ๘ เม.ย. ๕๓ ณ ศู นย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และ
พิ พิ ธภั ณฑสถานแห่งชาติ อุ ทยานประวั ติ ศาสตร์ และโบราณสถาน
ทั่ วประเทศ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิ ทรรศการพิเศษเนื่อง
ในวั นอนุรั กษ์มรดกไทย พิธีมอบรางวัลแก่ผู้ อนุรั กษ์มรดกไทยดี เด่นหรื อ
ผู้ สนับสนุนการดำ�เนิ นงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ การสาธิตงานช่าง
ต่ างๆ
โครงการน้ อมรำ �ลึก ๑๐๐ ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็ จ
พระจุ ลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งกรมศิลปากรแจ้งว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
เห็ นชอบเมื่อวันที่ ๒ มี.ค. ๕๓ ให้ โครงการฯ ดังกล่าวเป็นวาระแห่ งชาติ
และให้ หน่วยงานทุกภาคส่วนและประชาชนได้เข้ ามามีส่วนร่วมในการนำ�
เสนอกิ จกรรมต่างๆ ตามกำ�หนดระยะเวลาการจัดงาน คือระหว่ างวันที่
๒๒ – ๒๕ ต.ค. ๕๓ ณ ศู นย์การประชุ มแห่งชาติสิริกิติ์ หรือสวนอัมพร
สรุ ปการดำ�เนินโครงการส่งเสริ มบทบาทของสภาวัฒนธรรม
ในการเฝ้ าระวังและสร้างสรรค์วัฒนธรรมของชุมชน ในปีงบประมาณ
๒๕๕๒ ของสำ�นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งจากการลง
พื้ นที่ศึกษา ติดตามและประเมินผลของเจ้าหน้ าที่ สวช. พบว่า กลไก
ในการขั บเคลื่อนกิจกรรมการเฝ้าระวังและสร้างสรรค์วั ฒนธรรม และ
กิ จกรรมเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย สรุปได้ ๕ รูปแบบ คือ ๑. วัด
อบต. และสถานศึ กษาจะเป็นแกนกลางในการขับเคลื่ อน ได้แก่ จังหวัด
พั ทลุง ลำ�พูนและอำ�นาจเจริญ ๒. สถานศึกษา บุคลากรของสถานศึกษา
การประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๕๓
จะเป็นแกนกลางในการขั บเคลื่อน ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต กระบี่ และนครพนม
๓. สภาวัฒนธรรม สถานศึกษาศูนย์วั ฒนธรรมในสถานศึกษาและสำ�นั กงาน
วัฒนธรรมจังหวั ดจะเป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน ได้แก่ จั งหวัดลำ�ปาง
และมุ กดาหาร ๔. สภาวัฒนธรรม เทศบาลตำ�บลและสถานศึ กษาจะเป็น
แกนกลางในการขับเคลื่อน ได้แก่ จังหวั ดเชียงราย ๕. องค์กร หน่วยงาน
เอกชน (NGO) เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน ได้แก่ จังหวั ดพังงา สวช.
เห็ นว่า จะต้องมีการลงพื้นที่ศึ กษาข้อมู ลเพิ่มเติมในเชิงลึก เพื่ อศึกษาบริ บท
ทางสังคมวัฒนธรรมของชุมชน รวมทั้งปัจจัยเงื่อนไขที่จะส่งผลให้การดำ�เนิน
งานในพื้นที่ประสบผลสำ�เร็จหรือไม่ประสบผลสำ�เร็ จ และสามารถสรุปนำ�
ผลการวิเคราะห์มาปรับใช้เพื่อพัฒนาแนวทางการเฝ้ าระวังและสร้างสรรค์
วัฒนธรรมของชุ มชน และการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิ ปไตยให้ประสบ
ผลสำ�เร็จและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ ที่ ประชุมได้ ให้ข้อเสนอแนะแนวทางการดำ�เนินงาน
โครงการต่างๆ ไว้ ว่ า โครงการบรรพชาอุ ปสมบทพระภิกษุ สามเณร
และบวชศีลจาริณีภาคฤดูร้ อนเฉลิมพระเกี ยรติสมเด็จพระเทพรั ตน
ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กรมการศาสนาควรร่วมมือกับสำ�นักงาน
พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขับเคลื่ อนโครงการฯ นี้ และจัดทำ�คู่มือในเชิ ง
คุ ณภาพให้แก่ผู้ บวชเพื่ อสามารถนำ�ธรรมะมาใช้ ในชีวิ ตประจำ�วันได้ และ
อยากให้กรมการศาสนาสำ�รวจในแต่ ละจังหวัดว่ามีภาคเอกชนใดบ้างที่
ให้การสนับสนุนกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่ อเชิญภาคเอกชนเหล่านั้น
มาเป็นเครือข่ ายร่วมกั นสนับสนุนการดำ�เนิ นโครงการให้ เผยแพร่อย่าง
กว้างขวางมากยิ่งขึ้น การดำ�เนินงานวันอนุรั กษ์มรดกไทย พุทธศั กราช
๒๕๕๓ ควรส่งเสริมให้ อบต. อบจ.ทุกจังหวัดศึกษาวิจัยประวั ติศาสตร์
ท้ องถิ่นของตน แล้วมาสร้ างเป็นพิพิ ธภัณฑ์ โดยบริหารจัดการกันเอง
เพื่อสร้ างความตระหนักสำ�นึ กในรากเหง้าของตน และที่สำ �คัญอยาก
ให้เน้นเรื่ องช่ างพื้นบ้านว่ าแต่ละจังหวัดมี ช่างพื้ นบ้านที่มีความโดดเด่ น
อย่างไร ก็ให้การสนับสนุนเป็นการสร้างรายได้ ให้แก่ชุมชนนั้ นตามนโยบาย
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาล โครงการน้อมรำ �ลึก ๑๐๐ ปี วันสวรรคต
พระบาทสมเด็จพระจุ ลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ควรเพิ่มเนื้อหาสาระเรื่องราว
ในสมัยของพระองค์ท่ าน เช่น การสืบทอดมรดกวัฒนธรรมของชาติ การ
เลิ กทาส การรักษาดินแดน การรั กษาอัตลักษณ์ ของไทยในยุคสมัยของ
พระองค์ท่านที่โลกกำ�ลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงและการล่าอาณานิคม ว่า
พระองค์ท่านทำ�อย่างไรที่ประเทศไทยของเราไม่เสียดิ นแดนและดำ�เนิ นการ
เปลี่ยนแปลงอย่างไรที่ไม่ให้เกิดความรุนแรง สิ่ งเหล่านี้ ถือเป็นบทเรียน
ที่สำ �คัญยิ่ งที่เราจำ�เป็นต้องถ่ายทอดให้ เด็กและเยาวชนรุ่ นใหม่ได้ทราบถึ ง
พระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านและจะเป็นผลดีต่อคนในสมัยปั จจุบั นและ
อนาคต สรุปการดำ�เนินโครงการส่งเสริ มบทบาทของสภาวัฒนธรรม
ในการเฝ้าระวังและสร้างสรรค์วัฒนธรรมของชุ มชน ในปีงบประมาณ
๒๕๕๒ ควรให้เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ให้มากที่สุด โดยให้ศึกษาวิจั ยทางลบด้วย
ไม่ใช่ แค่ด้ านดีอย่างเดียว เมื่อเห็นมาแล้วก็ต้องนำ �มาเผยแพร่พร้อมกับขยาย
เครือข่ายไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ ควรสร้ าง Model หรือพื้นที่ต้นแบบ อาทิเช่น
เกาะช้างถื อเป็นแหล่งที่น่าศึกษามาก ว่ามี ผลดีผลเสี ยอย่างไร และพื้นที่ไหน
ที่เราควรจะอนุรักษ์ ไว้เพื่อลูกหลานเราต่อไป
ทั้งนี้โครงการต่างๆ ที่ได้มีการนำ�เสนอในที่ประชุ ม กวช. จะมีการ
ติดตามประเมิ นผล และรายงานให้ทราบในการประชุมครั้งต่อไป....
๕๔