Page 37 - sep53

Basic HTML Version

๓๕
มี
การค้
นพบหลั
กฐานทางโบราณคดี
ที่
สำ
�คั
ญอั
เป็
นร่
องรอยทางประวั
ติ
ศาสตร์
ทั้
งภาพเขี
ยนตามเพิ
งผา
และผนั
งถ้ำ
� เช่
น บริ
เวณอ่
าวพั
งงา จั
งหวั
ดกระบี่
ตรั
ง–พั
งงา และถ้ำ
�ศิ
ลป์
จั
งหวั
ดยะลา หรื
อกลอง
มโหระทึ
ก สมั
ยก่
อน ประวั
ติ
ศาสตร์
ซึ่
งพบที่
แหล่
โบราณคดี
เขาสามแก้
ว อำ
�เภอเมื
อง จั
งหวั
ดชุ
มพร
กลองมโหระทึ
กนี้
ค้
นพบมากในมณฑลกวางสี
ประเทศจี
เมื
องแถน ประ เทศเ วี
ยดนาม และหลายพื้
นที่
ใน
ประเทศไทยตั้
งแต่
ภาคอี
สานจรดภาคใต้
ปรากฏหลั
กฐาน
เป็
นเส้
นทางกลองทอง (มโหระทึ
ก) ที่
ส่
งผลถึ
งสำ
�เนี
ยงเสี
ยง
ภาษาที่
เป็
นเครื
อญาติ
ชาติ
ภาษาร่
วมสุ
วรรณภู
มิ
เห็
นได้
จาก
“สำ
�เนี
ยงปั
กษ์
ใต้
” ซึ่
งมี
ความคล้
ายคลึ
งกั
บสำ
�เนี
ยงพู
ดของ
คนสองฝั่
งโขงทางอี
สาน คนไทยและความเป็
นไทยจึ
งแยก
ไม่
ได้
จากความเป็
นคนสุ
วรรณภู
มิ
ที่
หลากหลายและผสม
กลมกลื
นยาวนาน ประวั
ติ
ศาสตร์
(สยาม) ประเทศไทยก็
แยก
ไม่
ได้
จากประวั
ติ
ศาสตร์
สุ
วรรณภู
มิ
ในภาคบ่
ายมี
การสั
มมนาย่
อย ๓ หั
วข้
อ ที่
น่
สนใจคื
มิ
ติ
ทางวั
ฒนธรรม ทะเลสาบสงขลา ลุ่
มน้ำ
�แห่
งชี
วิ
วิ
ทยกร
ประกอบด้
วย อ.บรรจง ทองสร้
าง ศู
นย์
การเรี
ยนรู้
วิ
ทยาศาสตร์
ชุ
มชมลุ่
มน้ำ
�ทะเลสาบสงขลา มรภ.สงขลา
อ.สานิ
ตย์
เพชรกาฬ
ประธานสภาวั
ฒนธรรมจั
งหวั
ดพั
ทลุ
ง คุ
ณนิ
พั
ทธ์
พร เพ็
งแก้
ว นั
กเขี
ยนอิ
สระ และ
จิ
ตติ
มา ผลเสวก
ดำ
�เนิ
รายการ
ประเด็
นจะอยู่
ที่
ทะเลสาบสงขลา เป็
นแหล่
งน้ำ
ขนาดใหญ่
ซึ่
งมี
ทั้
งน้ำ
�จื
ด น้ำ
�กร่
อย และน้ำ
�เค็
มอยู่
ใกล้
เคี
ยง
กั
น จึ
งทำ
�ให้
มี
ความหลากหลายทางชี
วภาพ เนื่
องจากมี
การ
เปลี่
ยนแปลงของระบบนิ
เวศน์
อยู่
ตลอดเวลา
ดิ
นแดนรอบ ๆ ทะเลสาบสงขลาแต่
เดิ
มเป็
นเกาะสอง
เกาะ เกิ
ดจากระดั
บน้ำ
�ที่
ลดลงทำ
�ให้
พื้
นดิ
นเดิ
มใต้
ผิ
วน้ำ
�โผล่
ขึ้
มาเป็
นภู
เขาเตี้
ย ๆ ประกอบกั
บลมมรสุ
มตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
พั
ดเอาทรายทะเลมาทั
บถมทางซี
กตะวั
นออกของภู
เขา
เกิ
ดเป็
นสั
นทรายงอกออกไปเรื่
อย ๆ ในขณะที่
ซี
กตะวั
นตก
ของภู
เขาก็
เกิ
ดการทั
บถมของดิ
นตะกอนจากลำ
�น้ำ
�ต่
าง ๆ
ซึ่
งไหลออกทะเลที่
บริ
เวณทะเลสาบตอนใน ทำ
�ให้
แผ่
นดิ
ทั้
งสองด้
านงอกออกไปเรื่
อย ๆ จนกลายเป็
นเกาะขึ้
น ภายหลั
เกาะทั้
งสองนี้
ได้
งอกออกมาเชื่
อมติ
ดกั
นเป็
นแหลม เกิ
ดเป็
ทะเลสาบสงขลา
ทะเลสาบสงขลาเป็
นที่
ตั้
งถิ่
นฐานทำ
�มาหากิ
น เกิ
เป็
นชุ
มชนหนาแน่
นมาตั้
งแต่
สมั
ยโบราณที่
เกาะยั
งไม่
เชื่
อม
ติ
ดกั
นเป็
นแหลม เพราะภู
มิ
ประเทศเหมาะสมที่
จะเป็
นท่
าเรื
เนื่
องจากสามารถกำ
�บั
งลมได้
เป็
นอย่
างดี
ภายหลั
งเมื่
อเกาะ
พั
ฒนาเป็
นแหลม ชุ
มชนก็
หนาแน่
นยิ่
งขึ้
น เมื่
อน้ำ
�ในทะเลสาบ
ตอนในเปลี่
ยนเป็
นน้ำ
�จื
ด เพราะได้
รั
บอิ
ทธิ
พลจากน้ำ
�ใน
ลำ
�คลองที่
มากกว่
าน้ำ
�ทะเล พื้
นที่
โดยรอบของทะเลสาบจึ
เริ่
มกลายเป็
นพื้
นที่
เพาะปลู
ก เนื่
องจากบริ
เวณนี้
มี
ดิ
นตะกอน
ทั
บถมกั
นมาก กลายเป็
นแหล่
งผลิ
ตข้
าวที่
สำ
�คั
ญของภาคใต้
โดยเฉพาะบริ
เวณฝั่
งตะวั
นตก หรื
อพื้
นที่
ของจั
งหวั
ดพั
ทลุ
ในปั
จจุ
บั
น ขณะเดี
ยวกั
นทะเลสาบที่
เกิ
ดขึ้
นก็
เป็
นแหล่
งอาศั
ของสั
ตว์
น้ำ
�นานาชนิ
ดด้
วย ส่
วนบริ
เวณตอนบนหรื
อแถบ
ต้
นน้ำ
�เชิ
งเขาก็
เป็
นเขตป่
าที่
มี
ป่
าดงดิ
บ ขึ้
นปกคลุ
มหนาแน่
จึ
งมี
ผลผลิ
ตจากป่
าจำ
�นวนมาก เช่
น หวาย ไม้
ไผ่
สมุ
นไพร
งาช้
าง เครื่
องหนั
ง เขาสั
ตว์
และของป่
าอื่
น ๆ ซึ่
งของเป็
สิ
นค้
าพ่
อค้
าชาวจี
นและอิ
นเดี
ยต้
องการมาก จึ
งพากั
นเดิ
นทาง
เข้
ามาค้
าขายและนำ
�เอาอารยธรรมเข้
ามาเผยแพร่
ในบริ
เวณ
คาบสมุ
ทรมลายู
และเอเซี
ยตะวั
นออกเฉี
ยงใต้
หั
วข้
อที่
๒ คื
วิ
กฤติ
ปั
ญหาครู
ภาษาไทยและสั
งคม
มานุ
ษยวิ
ทยา
โดยมี
วิ
ทยกร ๒ ท่
านที่
เกี่
ยวพั
นกั
บวงการครู
โดยตรง คื
เจริ
ญ รั
กใหม่
รองผู้
อำ
�นวยการเขตพื้
นที่
การ