Page 15 - sep53

Basic HTML Version

๑๓
ฆ่
าเป็
ด ฆ่
าไก่
และเอาเนื้
อสั
ตว์
เหล่
านั้
นมาจั
ดงานบุ
ญเลี้
ยงกั
รวมทั้
งมี
เลี้
ยงสุ
รายาเมาด้
วย จนบางครั้
งเกิ
ดการทะเลาะ
วิ
วาททำ
�ร้
ายกั
น เหล่
านี้
เป็
นการทำ
�บุ
ญด้
วยการทำ
�บาป
เหมื
อนกั
บเอาน้ำ
�โคลนมาชำ
�ระตั
ว จะสะอาดได้
อย่
างไร
๒. บุ
คคลทำ
�บุ
ญเหมื
อนเอาน้ำ
�เจื
อด้
วยแป้
งหอม
มาอาบ
คื
อคนที่
ทำ
�บุ
ญด้
วยอุ
ปาทาน ยึ
ดมั่
นถื
อมั่
นในบุ
ญเป็
อย่
างมาก เมาสวรรค์
เมาวิ
มาน เป็
นการทำ
�บุ
ญด้
วยกิ
เลสหรื
ความยึ
ดติ
ดอย่
างรุ
นแรง ทำ
�แล้
วหวั
งผลเช่
นนั้
นเช่
นนี้
เหมื
อน
เอาน้ำ
�ที่
เป็
นเครื่
องหอมมาอาบชำ
�ระกาย จะสะอาดได้
อย่
างไร
๓. บุ
คคลทำ
�บุ
ญเหมื
อนเอาน้ำ
�สะอาดมาอาบ
คื
คนที่
ทำ
�บุ
ญด้
วยใจสงบร่
มเย็
น ไม่
ได้
ยึ
ดมั่
นถื
อมั่
นสิ่
งนั้
นว่
าเป็
ตั
วเราของเรา (อาจจะมี
บ้
างเหมื
อนกั
นแต่
ไม่
ได้
เป็
นเหตุ
จริ
งจั
ให้
จิ
ตฟุ้
งซ่
าน หวั่
นไหว หรื
อยึ
ดติ
ดเป็
นอุ
ปาทาน) เหมื
อนคน
เอาน้ำ
�สะอาดมาอาบย่
อมสะอาดกว่
าบุ
คคล ๒ ประเภทแรก
เราทำ
�บุ
ญแล้
วเป็
นแบบไหน หรื
อจะเป็
นแบบไหน ต้
อง
เลื
อกพิ
จารณาดู
ให้
ดี
บุ
ญ ๑๐ วิ
ธี
ตามหลั
กพุ
ทธศาสนา มี
การทำ
�บุ
ญด้
วยกั
น ๑๐ วิ
ธี
เรี
ยกว่
า บุ
ญกิ
ริ
ยาวั
ตถุ
๑๐ (สิ่
งอั
นเป็
นที่
ตั้
งแห่
งการทำ
�บุ
๑๐ ประการ) คื
๑. ให้
ทาน
แบ่
งปั
นผู้
อื่
นด้
วยสิ่
งของไม่
ว่
าจะให้
ใคร
ก็
เป็
นบุ
ญ (ทานมั
ย) การให้
ทานเป็
นการช่
วยขั
ดเกลาความ
เห็
นแก่
ตั
ว ความคั
บแคบ ความตระหนี่
ถี่
เหนี่
ยว และความ
ยึ
ดติ
ดในวั
ตถุ
นอกจากสิ่
งของที่
เราแบ่
งปั
นออกไปก็
จะเป็
ประโยชน์
กั
บบุ
คคลหรื
อชุ
มชนโดยส่
วนรวม
๒. รั
กษาศี
ก็
เป็
นบุ
ญ (ศี
ลมั
ย) เป็
นการฝึ
กฝนที่
จะ
ลด ละ เลิ
ก ความชั่
ว ไม่
ไปเบี
ยดเบี
ยนใคร มุ่
งที่
จะทำ
�ความดี
เอื้
อเฟื้
อเผื่
อแผ่
ผู้
อื่
น เป็
นการหล่
อเลี้
ยงบ่
มเพาะให้
เกิ
ดความ
ดี
งามและพั
ฒนาคุ
ณภาพชี
วิ
ตไม่
ให้
ตกต่ำ
๓. เจริ
ญภาวนา
ก็
เป็
นบุ
ญ (ภาวนามั
ย) การภาวนา
เป็
นการพั
ฒนาจิ
ตใจและปั
ญญา ทำ
�ให้
จิ
ตสงบ ไม่
มี
กิ
เลส
ไม่
มี
เรื่
องเศร้
าหมอง เห็
นคุ
ณค่
าสิ่
งต่
างๆ ตามความเป็
นจริ
ผู้
ที่
ภาวนาอยู่
เสมอย่
อมเป็
นหลั
กประกั
นว่
า จิ
ตจะมี
ความสงบ
ชี
วิ
ตมี
ความสุ
ข คุ
ณภาพชี
วิ
ตดี
ขึ้
น สู
งขึ้
๔. อ่
อนน้
อมถ่
อมตน
ผู้
อ้
อนอ่
อนน้
อมถ่
อมตนต่
ผู้
ใหญ่
ผู้
ใหญ่
ก็
แสดงออกในความมี
เมตตาต่
อผู้
น้
อย และ
ต่
างก็
อ่
อนน้
อมต่
อผู้
มี
คุ
ณธรรมรวมถึ
งการให้
เกี
ยรติ
ให้
ความ
เคารพในความแตกต่
างซึ่
งกั
นและกั
นทั้
งในความคิ
ด ความ
เชื่
อและวิ
ถี
ปฏิ
บั
ติ
ของบุ
คคลและสั
งคมอื่
น เป็
นการลดความ
ยึ
ดมั่
นถื
อมั่
นในความเป็
นตั
วตน ก็
เป็
นบุ
ญ (อปจายนมั
ย)
๕. ช่
วยเหลื
อสั
งคมรอบข้
าง
ช่
วยเหลื
อสละแรง
กาย เพื่
องานส่
วนรวม หรื
อช่
วยงานเพื่
อนบ้
านที่
ต้
องการ
ความช่
วยเหลื
อ ก็
เป็
นบุ
ญ (ไวยาวั
จจมั
ย)
๖. เปิ
ดโอกาสให้
คนอื่
นมาร่
วมทำ
�บุ
ญกั
บเรา
หรื
ในการทำ
�งานก็
เปิ
ดโอกาสให้
คนอื่
นมี
ส่
วนร่
วมทำ
� ร่
วมแสดง
ความคิ
ดเห็
น รวมไปถึ
งการอุ
ทิ
ศส่
วนบุ
ญให้
แก่
ผู้
ที่
ล่
วงลั
บไป
แล้
วด้
วย ก็
เป็
นบุ
ญ (ปั
ตติ
ทานมั
ย)
๗. ยอมรั
บและยิ
นดี
ในการทำ
�ความดี
หรื
อทำ
�บุ
ของผู้
อื่
น การชื่
นชมยิ
นดี
หรื
ออนุ
โมทนาไม่
อิ
จฉาหรื
อระแวง
สงสั
ยในการกระทำ
�ความดี
ของผู้
อื่
น ก็
เป็
นบุ
ญ (ปั
ตตานุ
โมทนามั
ย)
๘. ฟั
งธรรม
บ่
มเพาะสติ
ปั
ญญาให้
สว่
างไสว ฟั
ธรรมะ ฟั
งเรื่
องที่
ดี
มี
ประโยชน์
ต่
อสติ
ปั
ญญา หรื
อมี
ประโยชน์
ต่
อการดำ
�เนิ
นชี
วิ
ตที่
ดี
เป็
นความจริ
ง ความดี
ความงาม ก็
เป็
นบุ
ญ (ธรรมสวนมั
ย)
๙. แสดงธรรม
ให้
ธรรมะและข้
อคิ
ดที่
ดี
กั
บผู้
อื่
แสดงธรรมนำ
�ธรรมะไปบอกกล่
าว เผื่
อแผ่
ให้
คนอื่
นได้
รั
บฟั
ให้
เขาได้
รู้
จั
กวิ
ธี
การดำ
�เนิ
นชี
วิ
ตที่
ดี
เป็
นเรื่
องของความจริ
ความดี
ความงาม ก็
เป็
นบุ
ญ (ธรรมเทศนามั
ย)
๑๐. ทำ
�ความเห็
นให้
ถู
กต้
องและเหมาะสม
มี
การ
ปรั
บทิ
ฏฐิ
แก้
ไขปรั
บปรุ
งพั
ฒนาความคิ
ดเห็
น ความเข้
าใจให้
ถู
กต้
องตามธรรม ให้
เป็
นสั
มมาทั
ศนะอยู่
เสมอ เป็
นการพั
ฒนา
ปั
ญญาอย่
างสำ
�คั
ญ ถื
อเป็
นบุ
ญด้
วยเช่
นกั
น (ทิ
ฏฐุ
ชุ
กรรม)