Page 45 - june53

Basic HTML Version

๔๓
๑. ชาวไทยพุ
ทธ ชาวไทยเชื้
อสายจี
นั
บเป็
นกลุ่
ชาติ
พั
นธุ์
ที่
มี
จำ
�นวนมาก จนถื
อได้
ว่
าเป็
นกลุ่
มวั
ฒนธรรมหลั
ของภู
เก็
ต ชาวไทยเชื้
อสายจี
น หรื
อเรี
ยกกั
นว่
า บาบ๋
าหรื
เพรานากั
น หมายถึ
ง ลู
กผสมหรื
อผู้
ที่
สื
บเชื้
อสายมาจากพ่
อเป็
คนจี
นแม่
เป็
นคนพื้
นเมื
อง (อาจเป็
นคนมาเลย์
หรื
อคนไทยก็
ได้
)
ชาวบาบ๋
าจะมี
วั
ฒนธรรมที่
เป็
นเอกลั
กษณ์
โดดเด่
น โดยเฉพาะ
ด้
านภาษา อาหาร การแต่
งกาย กล่
าวคื
อ สตรี
จะสวมชุ
ยะหยา หรื
อ บาจู
เคบายา ส่
วนบุ
รุ
ษจะสวมใส่
เสื้
อลายบาติ
จนเป็
นกลายเป็
นเอกลั
กษณ์
ของภู
เก็
ตในปั
จจุ
บั
๒. ชาวไทยมุ
สลิ
เป็
นกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ในลำ
�ดั
บรอง
ลงมา มั
กตั้
งถิ่
นฐานอยู่
รอบตั
วเมื
องหรื
อบริ
เวณชายฝั่
งรอบ
เกาะ โดยมี
ชุ
มชนบ้
านบางเทาเป็
นชุ
มชนมุ
สลิ
มที่
ใหญ่
ที่
สุ
ในอดี
ตชาวมุ
สลิ
ม จะประกอบอาชี
พประมงและทำ
�สวน
ควบคู่
กั
นไป ต่
อมาเมื่
อภู
เก็
ตกลายเป็
นแหล่
งท่
องเที่
ยว ทำ
�ให้
ชาวมุ
สลิ
มรุ่
นหลั
งหั
นมาประกอบอาชี
พที่
เกี่
ยวข้
องกั
บการ
ท่
องเที่
ยว เช่
น เจ้
าของบ้
านเช่
า มั
คคุ
เทศก์
เจ้
าของบริ
ษั
ท่
องเที่
ยว เป็
นต้
๓. ชาวไทยสิ
กข์
เชื้
อสายอิ
นเดี
ปั
จจุ
บั
นมี
ชาวสิ
กข์
ในภู
เก็
ต ราว ๑๐๐ ครอบครั
ว ส่
วนมากย้
ายมาจากกรุ
งเทพฯ
และพั
ทยา มั
กตั้
งถิ่
นฐานแถบชายทะเล เช่
น หาดป่
าตอง กะรน
กะตะ เป็
นต้
น ส่
วนใหญ่
ประกอบธุ
รกิ
จเกี่
ยวกั
บการท่
องเที่
ยว
เช่
น เปิ
ดร้
านตั
ดชุ
ดสู
ทให้
ชาวต่
างชาติ
ถึ
งแม้
ชาวไทยสิ
กข์
จะ
มี
จำ
�นวนไม่
มากนั
ก แต่
ก็
มี
บทบาททางสั
งคมสู
๔. ชาวไทยใหม่
-ชาวเล เป็
นกลุ
มชาติ
พั
นธุ
อู
รั
ลาโว้
ในบางชุ
มชนจะเรี
ยกตั
วเองว่
า “ไทยใหม่
” เป็
นกลุ่
พื้
นเมื
องที่
ตั้
งบ้
านเรื
อนอยู่
ชายหาด บริ
เวณบ้
านเกาะสิ
เหร่
บ้
านราไวย์
บ้
านสะปำ
� บ้
านแหลมหลา ประกอบอาชี
พประมง
ชาวเล ส่
วนใหญ่
นั
บถื
อศาสนาพุ
ทธ แต่
ยั
งคงมี
ความเชื่
อใน
เรื่
องเจ้
าที่
เจ้
าทาง เนื่
องจากมี
อาชี
พประมง จึ
งยั
งคงสื
บทอด
พิ
ธี
ลอยเรื
อ ซึ่
งเป็
นพิ
ธี
สะเดาะเคราะห์
ให้
กั
บหมู่
บ้
าน และเพื่
ปั
ดเป่
าสิ่
งไม่
ดี
ให้
ลอยไปกั
บน้ำ
ด้
วยเหตุ
ที่
ภู
เก็
ตมี
ประชาชนที่
มี
ความแตกต่
างกั
นทั้
ทางด้
านภาษา ศาสนา และวั
ฒนธรรม อาศั
ยอยู่
ร่
วมกั
นบน
ผื
นแผ่
นดิ
นเดี
ยวกั
น การมี
ปฏิ
สั
มพั
นธ์
ระหว่
างกั
น จึ
งได้
มี
การ
แลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู้
ถ่
ายทอดวั
ฒนธรรมซึ่
งกั
นและกั
น จึ
งก่
อให้
เกิ
ดการผสมผสานทางวั
ฒนธรรมของกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ต่
าง ๆ
ปั
จจั
ยที่
ทำ
�ให้
ชาวภู
เก็
ตอยู่
ร่
วมกั
นได้
อย่
างสั
นติ
สุ
กล่
าวโดยสรุ
ป คื
๑. ปฏิ
บั
ติ
ตามกฎเกณฑ์
การอยู่
ร่
วมกั
นในรู
ปของกฎ
ระเบี
ยบหรื
อกฎหมาย
๒. มี
คุ
ณธรรม จริ
ยธรรม ช่
วยเหลื
อเกื้
อกู
ลซึ่
งกั
และกั
๓. มี
ส่
วนร่
วมในกิ
จกรรมต่
าง ๆ ของสั
งคม
๔. ปฏิ
บั
ติ
ตามคุ
ณธรรมของการอยู่
ร่
วมกั
นตามหลั
ศาสนาที่
ตนนั
บถื
สำ
�หรั
บแนวทางในการปฏิ
บั
ติ
ที่
ทำ
�ให้
ชาวภู
เก็
ตอยู่
ร่
วมกั
นได้
อย่
างสั
นติ
สุ
ข มี
๕ แนวทาง ดั
งนี้
๑. การมี
ความเอื้
อเฟื้
อเผื่
อแผ่
มี
น้ำ
�ใจช่
วยเหลื
เกื้
อกู
ลซึ่
งกั
นและกั
๒. การให้
ความรั
ก ความเมตตากั
บผู้
คนรอบข้
าง
หรื
อบุ
คคลอื่
น ๆ
๓. สร้
างความสามั
คคี
ในชุ
มชนและสั
งคม
๔. สร้
างความเข้
าใจซึ่
งกั
นและกั
น ลดความขั
ดแย้
๕. ไม่
ยึ
ดถื
อตั
วตนมากจนเกิ
นไป และต้
องไม่
ยึ
ดถื
ว่
าสิ่
งตนเองนั
บถื
อเป็
นใหญ่
กว่
าคนอื่
สั
งคมไทยเป็
นสั
งคมที่
ประชาชนมี
เสรี
ภาพในการ
เลื
อกนั
บถื
อศาสนา คำ
�สอนทางศาสนาเป็
นหลั
กธรรม ที่
ใช้
ในการดำ
�รงชี
วิ
ต ช่
วยพั
ฒนาสั
งคมให้
สามารถอยู่
ร่
วมกั
นได้
อย่
างสั
นติ
สุ
ข มี
ความปลอดภั
ย เพราะทุ
กศาสนาสอนให้
ทำ
�ความดี
มี
เมตตากรุ
ณาต่
อกั
น ช่
วยเหลื
อเกื้
อกู
ลกั
น อดทน
อดกลั้
น รั
กกั
นฉั
นพี่
น้
อง ทำ
�ให้
ศาสนิ
กชนของทุ
กศาสนาเป็
มิ
ตรที่
ดี
ต่
อกั
น หากสมาชิ
กของทุ
กสั
งคมปฏิ
บั
ติ
ตามคำ
�สอน
ทางศาสนาแล้
ว สั
งคมแห่
งสั
นติ
สุ
ขก็
จะบั
งเกิ
ดขึ
นแก่
เราทุ
กคน
+-------------------------------------------+
แหล่
งข้
อมู
ล : ผู้
ช่
วยศาสตราจารย์
ปราณี
สกุ
ลพิ
พั
ฒน์
งานวิ
จั
ยเรื่
อง “ภู
มิ
ไทย ชุ
ดไทย ภาคใต้
ชายฝั
งทะเล
อั
นดามั
น” ๒๕๔๘