๓๙
บวงสรวง (เครื่
องคาย) ในพิ
ธี
สู่
ขวั
ญข้
าว ประกอบด้
วย
- ใบคู
ณ ๙ ใบ ใบยอ ๙ ใบ
- ขั
นหมากเบ็
ง (พานบายศรี
) ห้
าชั้
น ๒ พาน
- กระทงใหญ่
๙ ห้
อง ใส่
เครื่
องบั
ดพลี
ต่
าง ๆ
เช่
น หมาก พลู
บุ
หรี่
ข้
าวตอก ดอกบานไม่
รู้
โรย ดอกรั
ก
ถั่
วงา อาหารคาวหวาน ผลไม้
เหล้
า ไก่
ต้
ม ๑ ตั
ว ไข่
ไก่
ต้
ม
๑ ฟอง ข้
าวต้
มมั
ด เผื
อก มั
น
- ต้
นกล้
วย ต้
นอ้
อย
- ขั
น ๕ ขั
น ๘ (พานใส่
ดอกไม้
และเที
ยนไข
จำ
�นวนอย่
างละ ๕ คู่
และ ๘ คู่
ตามลำ
�ดั
บ)
- ธู
ป เที
ยน แป้
งหอม น้ำ
�หอม พานใส่
แหวน
หวี
กระจก เครื่
องนอน เสื่
อ หมอน
- ฟั
กแฟง ฟั
กทอง กล้
วยน้ำ
�ว้
า
- เงิ
นบู
ชา (คาย) ๑ บาทกั
บอี
ก ๑ เฟื้
อง
เมื่
อเครื่
องบู
ชาทุ
กอย่
างที่
กล่
าวมาข้
างต้
นพร้
อมแล้
ว
จั
ดวางบนผ้
าขาวที่
ปู
บนกองข้
าวในยุ้
งฉาง (เล้
าข้
าว) โยงด้
าย
สายสิ
ญจน์
(ด้
ายสี
ขาว) จากเครื่
องบู
ชาโยงไปรอบยุ้
งข้
าวและ
ตั
วบ้
านเรื
อน หลั
งจากนั้
นหมอสู
ตร (พราหมณ์
) หรื
อเจ้
าพิ
ธี
นุ่
งขาวห่
มขาวถื
อหนั
งสื
อก้
อม (ใบลาน) คำ
�สู
ตรขวั
ญข้
าวขึ้
น
ไปบนยุ้
งฉาง นั่
งลงตรงหน้
าเครื่
องบู
ชาหั
นหน้
าไปทางทิ
ศที่
เป็
นมงคล ไหว้
พระรั
ตนตรั
ย ป่
าวสั
คเคชุ
มนุ
มเทวดา แล้
ว
อ่
านคำ
�สู
ตรขวั
ญข้
าวจากหนั
งสื
อก้
อม (ใบลาน) ในขณะที่
หมอสู
ตรกำ
�ลั
งทำ
�พิ
ธี
อยู่
นั้
นต้
องจั
ดเตรี
ยมคนคอยเฝ้
าระวั
ง
ประตู
ยุ้
งฉางและคอยส่
งเสี
ยงเรี
ยกขวั
ญข้
าวเป็
นระยะ ๆ ให้
สอดคล้
องกั
บคำ
�สู
ตรขวั
ญข้
าวของหมอสู
ตร เมื่
อเสร็
จพิ
ธี
ให้
วางเครื่
องบู
ชาไว้
ที่
เดิ
มเป็
นเวลา ๗ วั
น และห้
ามตั
กข้
าวออก
จากยุ้
งฉางก่
อนจะครบ ๗ วั
นหลั
งจากทำ
�พิ
ธี
สู่
ขวั
ญข้
าว
๓. พิ
ธี
ทำ
�บุ
ญเฮื
อน (ทำ
�บุ
ญบ้
าน) เป็
นพิ
ธี
ทางศาสนา
เพื่
อความเป็
นสิ
ริ
มงคลแก่
บ้
านเรื
อนซึ่
งเป็
นที่
อยู่
อาศั
ย โดยมั
ก
จะนิ
มนต์
พระภิ
กษุ
จำ
�นวน ๕ หรื
อ ๙ รู
ป มาเจริ
ญพระพุ
ทธ
มนต์
ในตอนค่ำ
�หรื
อตอนเย็
น และในตอนเช้
าวั
นรุ่
งขึ้
น ทำ
�บุ
ญ
ตั
กบาตร นิ
มนต์
พระสงฆ์
ชุ
ดเดิ
มมาเจริ
ญพระพุ
ทธมนต์
และ
ถวายภั
ตตาหารเช้
าแด่
พระสงฆ์
๔. พิ
ธี
นำ
�ข้
าวเปลื
อกเต็
มกระบุ
งมาถวายวั
ด เพื่
อ
เป็
นการแสดงความเคารพศรั
ทธาต่
อพระสงฆ์
เนื่
องจากคน
อี
สานมี
ศรั
ทธาแรงกล้
าต่
อพุ
ทธศาสนา เมื่
อมี
สิ่
งของ หรื
อ
หาอะไรมาได้
หรื
อมี
อะไรที่
เป็
นสิ่
งมี
ค่
า เป็
นของดี
ต้
องนำ
�
ไปถวายพระก่
อนเพื่
อความเป็
นสิ
ริ
มงคล ในสมั
ยก่
อนภายใน
วั
ดภาคอี
สานชาวบ้
านจะปลู
กยุ้
งฉาง(เล้
าข้
าว) ไว้
ด้
วยเมื่
อ
ญาติ
โยมมี
จิ
ตศรั
ทธาบริ
จาคข้
าวเปลื
อก พระสงฆ์
ก็
จะนำ
�มา
เก็
บไว้
ในยุ้
งฉาง เพื่
อนำ
�ไปแจกจ่
ายเป็
นทานแก่
ผู้
ยากไร้
ต่
อ
ไป ซึ่
งในสมั
ยก่
อนเงิ
นทองนั้
นหายาก ข้
าวเปลื
อกจึ
งเป็
นของ
ที่
มี
คุ
ณค่
ายิ่
งของชาวอี
สาน
ซึ่
งชาวอี
สานทั่
วไปโดยเฉพาะชาวมหาสารคามแล้
ว
มี
ความเชื่
อหรื
อข้
อห้
าม ข้
อควรระวั
ง (ขะลำ
�) และข้
อปฏิ
บั
ติ
เกี่
ยวกั
บข้
าวว่
า ถ้
าหากยั
งไม่
ทำ
�พิ
ธี
สู่
ขวั
ญข้
าวห้
ามตั
กข้
าวออก
จากยุ้
งฉางเด็
ดขาด ถ้
าหากจำ
�เป็
นต้
องใช้
บริ
โภคให้
กั
นส่
วน
หนึ่
งไว้
ก่
อนเอาไปเก็
บในยุ้
งฉาง และห้
ามตั
กข้
าวในยุ้
งฉาง
ตรงกั
บวั
นพระหรื
อวั
นโกน (วั
นศี
ล) ซึ่
งตรงกั
บวั
น ๗ – ๘ ค่ำ
�
และ วั
น ๑๔-๑๕ ค่ำ
� ทั้
งขึ้
นและแรม และประการสุ
ดท้
าย
ก่
อนตั
กข้
าวทุ
กครั้
งต้
องนั่
งลงยกมื
อพนมแล้
วกล่
าวคาถาว่
า
“บุ
ญข้
าว บุ
ญน้ำ
�เอย กิ
นอย่
าให้
บก (กิ
นอย่
าให้
หมด) จกอย่
า
ให้
ลง (ตั
กอย่
าให้
พร่
องลง)” แล้
วจึ
งตั
กได้
ดั
งนั้
นในวั
นขึ้
น ๓ ค่ำ
� เดื
อน ๓ ของทุ
กปี
ชาว
มหาสารคามโดยเฉพาะเกษตรกร ชาวนาจึ
งจั
ดพิ
ธี
สู่
ขวั
ญข้
าว
พิ
ธี
ตุ้
มปากเล้
า พิ
ธี
ทำ
�บุ
ญเฮื
อน และตอนบ่
ายของวั
นนั้
นจะนำ
�
ข้
าวเปลื
อกเต็
มกระบุ
งไปถวายวั
ด หลั
งจากนั้
นอี
ก ๗ วั
น จึ
ง
ตั
กข้
าวจากยุ้
งฉางเพื่
อใช้
ประโยชน์
ได้
สาระและความสำ
�คั
ญของบุ
ญเบิ
กฟ้
า
ประเพณี
บุ
ญ
เบิ
กฟ้
า มี
คุ
ณค่
าต่
อวิ
ถี
ชี
วิ
ต และจิ
ตใจของเกษตรกร ชาวนาคื
อ
๑. เป็
นการเตรี
ยมความพร้
อมในการทำ
�การเกษตร
ในฤดู
ต่
อไป
๒. ความเชื่
อมั่
นศรั
ทธาต่
อพระศาสนาเป็
นที่
ยึ
ดเหนี่
ยวจิ
ตใจ
๓. การเป็
นคนมี
ความกตั
ญญู
ต่
อข้
าวที่
มี
บุ
ญคุ
ณได้
บริ
โภคเลี้
ยงชี
พ
๔. การเป็
นคนรู้
จั
กประหยั
ดเก็
บออม