Page 9 - sep52

Basic HTML Version

วารสารวั
ฒนธรรมไทย
ข้
อมู
ลอ้
างอิ
งจากหนั
งสื
อวั
นและประเพณี
สำคั
โดย...ศิ
ริ
วรรณ คุ้
มโห้
และวิ
กิ
พี
เดี
ข้
าวมธุ
ปายาส
คื
อ ข้
าวที่
หุ
งเจื
อด้
วยน้
ำนมและน้
ำผึ้
มี
ตำนานเล่
าว่
า นางสุ
ชาดาลู
กสาวเศรษฐี
ปรุ
งขึ้
นเป็
นอาหาร
เพื่
อแก้
บน ต่
อมานางได้
เห็
นพระพุ
ทธเจ้
าเมื่
อเสวยพระชาติ
เป็
พระโพธิ
สั
ตว์
ประทั
บใต้
ต้
นไทร ก็
เข้
าใจว่
าพระองค์
เป็
นเทพยดา
จึ
งนำอาหารนั้
นไปถวาย พระโพธิ
สั
ตว์
จึ
งได้
เสวยข้
าวมธุ
ปายาส
เป็
นอาหารมื้
อสุ
ดท้
ายก่
อนจะตรั
สรู้
เป็
นพระพุ
ทธเจ้
า จึ
งเชื่
อกั
นว่
ข้
าวมธุ
ปายาสเป็
นอาหารวิ
เศษ ผู้
ใดมี
วาสนาได้
กิ
นแล้
วจะมี
ร่
างกายแข็
งแรง ปราศจากโรคภั
ย และเป็
นสิ
ริ
มงคลแก่
ชี
วิ
ข้
าวทิ
พย์
ประกอบด้
วยเครื่
องปรุ
งถึ
ง ๑๐๘ ชนิ
หากทำแบบโบราณ แต่
ในปั
จจุ
บั
นประกอบด้
วย น้
ำนมข้
าว
เนย น้
ำอ้
อย น้
ำผึ้
ง น้
ำตาล นม ถั่
ว งา และข้
าวเม่
า (๙ ชนิ
ด) ซึ่
การกวนแต่
ละครั้
งจะต้
องใช้
สาวพรหมจารี
ย์
กวน ฟื
นที่
ใช้
ต้
องเป็
ไม้
ชั
ยพฤกษ์
หรื
อไม้
พุ
ทราเท่
านั้
น ส่
วนไฟก็
ต้
องเกิ
ดจากแดดผ่
าน
แว่
นขยายที่
เรี
ยกว่
“สุ
ริ
ยกานต์
นอกจากนี้
การทำบุ
ญตั
กบาตรในวั
นสารทไทยยั
งเป็
ประเพณี
ที่
แตกต่
างจากประเพณี
อื่
น ๆ ด้
วย ทั้
งนี้
ขึ้
นอยู่
กั
บแต่
ละ
ท้
องถิ่
น อาทิ
การตั
กบาตรขนมกระยาสารท ซึ่
งส่
วนใหญ่
จะมี
ใน
ทุ
กท้
องถิ่
นของประเทศไทย และการตั
กบาตรน้
ำผึ้
ง ซึ่
งเป็
นที่
นิ
ยม
ในบางท้
องถิ่
นเท่
านั้
น ส่
วนใหญ่
มั
กเป็
นชาวไทยมอญที่
นิ
ยม
การตั
กบาตรน้
ำผึ้
เนื่
องในเทศกาลวั
นสารทไทย สำนั
กงานคณะกรรมการ
วั
ฒนธรรมแห่
งชาติ
กระทรวงวั
ฒนธรรม ขอเชิ
ญชวนพุ
ทธศาสนิ
กชน
ร่
วมกั
นทำบุ
ญตั
กบาตร เพื่
ออุ
ทิ
ศส่
วนกุ
ศลให้
แก่
ญาติ
ผู้
ล่
วงลั
บไปแล้
เพื่
อเป็
นการสร้
างบุ
ญกุ
ศลให้
แก่
ตนเอง ถื
อเป็
นการสื
บทอดประเพณี
วั
ฒนธรรมที่
ดี
งามของไทยให้
คงอยู่
สื
บไป
จึ
งกลั
บไปดู
นาของตนก็
พบว่
าข้
าวสาลี
ในนานั้
นมี
ความเจริ
งอกงามสมบู
รณ์
เป็
นอย่
างมาก ต่
อมาเมื่
อข้
าวสาลี
เจริ
ญขึ้
นจนเป็
ข้
าวเม่
า จุ
ลกาลก็
นำไปถวายพระสงฆ์
อี
ก และได้
ทำต่
อมาอี
กหลายครั้
คื
อ เมื่
อเก็
บเกี่
ยวข้
าว เมื่
อทำเขน็
ด เมื่
อทำฟ่
อน เมื่
อขนไว้
ในลาน
เมื่
อนวดข้
าว เมื่
อรวมเมล็
ดข้
าว เมื่
อขนขึ้
นฉาง รวมทั้
งหมด ๙ ครั้
แต่
ข้
าวในนาของจุ
ลกาลกลั
บอุ
ดมสมบู
รณ์
ยิ่
งขึ้
นมิ
ได้
ขาดหายไป
ต่
อมาจุ
ลกาลได้
มาเกิ
ดเป็
นพระอั
ญญาโกณฑั
ญญะ เมื่
อพระพุ
ทธเจ้
ทรงประกาศศาสนาด้
วยผลบุ
ญแห่
งการถวายข้
าวแด่
พระสงฆ์
ท่
านอั
ญญาโกณฑั
ญญะจึ
งเป็
นบุ
คคลแรกที่
สำเร็
จมรรคผลบรรลุ
ธรรมวิ
เศษก่
อนคนทั้
งปวง ตามที่
ได้
ปรารถนาไว้
ในแต่
ชาติ
จุ
ลกาล
ปั
จจุ
บั
นการทำบุ
ญวั
นสารทไทยนั้
น นอกจากเพื่
ส่
งเสริ
มขวั
ญและกำลั
งใจของเกษตรกรผู้
ปลู
กพื
ชธั
ญญาหารแล้
บางแห่
งเชื่
อว่
าเป็
นการทำบุ
ญเพื่
ออุ
ทิ
ศส่
วนกุ
ศลให้
แก่
ผู้
ที่
ล่
วงลั
ไปแล้
ว หากทำบุ
ญในวั
นนี้
จะได้
รั
บส่
วนบุ
ญเต็
มที่
และมี
โอกาส
หมดหนี้
กรรมจะได้
ไปเกิ
ดหรื
อมี
ความสุ
สำหรั
บขนมที่
นิ
ยมนำมาทำบุ
ญวั
นสารทไทยนั้
ประกอบด้
วย
ขนมกระยาสารท
ด้
วยความเชื่
อที่
ว่
าถ้
าไม่
ได้
ใส่
บาตร
ขนมกระยาสารทในวั
นสารทไทยแล้
ว ญาติ
ผู้
ล่
วงลั
บจะไม่
ได้
ส่
วนบุ
ส่
วนกุ
ศลที่
กระทำในวั
นนั้
น การทำขนมกระยาสารทประกอบด้
วย
ข้
าวตอก ข้
าวเม่
า ถั่
ว งา และน้
ำตาล นำมากวนเข้
าด้
วยกั
เมื่
อสุ
กแล้
วนำมาปั้
นเป็
นก้
อนกลมหรื
อตั
ดเป็
นแผ่
นก็
ได้
ข้
าวยาคู
ทำจากเมล็
ดข้
าวอ่
อน เป็
นเมล็
ดข้
าวที่
มี
เนื้
อข้
าว
อยู่
แล้
วแต่
ยั
งไม่
ถึ
งเวลาที่
จะเก็
บเกี่
ยว วิ
ธี
ทำคื
อให้
นำข้
าวอ่
อน
ทั้
งรวงมาตำให้
เปลื
อกแตกออก เนื้
อข้
าวสี
ขาวผสมกั
บสี
เขี
ยว
ของเปลื
อกข้
าวและก้
านรวง ทำให้
ได้
น้
ำข้
าวสี
เขี
ยวอ่
อนดู
น่
ากิ
นำน้
ำข้
าวนี้
ไปต้
มไฟ และคอยคนไม่
ให้
เป็
นลู
ก ใส่
น้
ำตาลทราย
ให้
ได้
รสหวานอ่
อน ๆ ก็
จะได้
ข้
าวยาคู
ประเพณี
กวนข้
าทิ
พย์