Page 6 - sep52

วัฒนธรรมไทย
จากการที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบาย “เศรษฐกิจสร้างสรรค์”
หรือ Creative Thailand ภายใต้แผนปฏิบัติการ “ไทยเข้มแข็ง”
ไป เมื่อวั นที่ ๓๑ สิงหาคมที่ผ่าน โดยวางเป้าหมายในการขั บ
เคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เอาไว้ ๒ ประเด็นหลักคือ
๑. เพื่อให้ประเทศไทยเป็ นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
ในภูมิภาคอาเซียน (Creative Industrial Hub of ASEAN)
๒. เพื่อเพิ่มมู ลค่าทางเศรษฐกิ จของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จาก
ร้อยละ ๑๒ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ เป็นร้อยละ ๒๐ ภายในปี ๒๕๕๕
ภายใต้พันธสั ญญา ๔ ด้านด้ วยกัน
๑) ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุ นระบบเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์
๒) สร้างรากฐานและปลูกฝังความสามารถด้านการคิด และ
สร้างสรรค์ในระบบการศึกษาไทย
๓) กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคั ญกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์
๔) ส่งเสริมสนั บสนุนธุรกิจและอุ ตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกั บ
เศรษฐกิจสร้างสรรค์
ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการฯ
ได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมตามนโยบาย “เศรษฐกิจสร้างสรรค์”
ว่า “ส่วนที่เกี่ ยวข้องกับกระทรวงวัฒนธรรมหลักๆ ก็ จะเป็นพันธสัญญา
ด้านที่ ๓ นั่ นก็ คือ การกระตุ้นให้ ทุกภาคส่ วนให้ความสำคัญกับเศรษฐกิ จ
สร้างสรรค์ ซึ่งภายใต้ พันธสัญญาดั งกล่าวจะมี พันธสัญญาย่อย ๓ ข้ อด้วยกัน
นั่นก็คือ
๑) การส่ งเสริมเศรษฐกิ จสร้างสรรค์ ในระดั บภูมิภาคและระดั บ
ท้องถิ่ น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ มและสร้างรายได้ภายในพื้ นที่ โดยการต่ อยอดภูมิ
ปัญญาไทย ซึ่งกระทรวงวั ฒนธรรมได้มอบหมายให้หน่วยงานในกระทรวงเร่ง
ดำเนินการขยายผล อาทิ โครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ซึ่ งขณะนี้มีอยู่
๑,๔๐๐ กว่าแห่งทั่วทุ กอำเภอในประเทศและจะขยายผลลงสู่ทุกตำบล และทุกหมู่บ้าน
ต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างความเข้มแข็งในระดับชุมชน ท้องถิ่น และพัฒนาต่อยอด
ซึ่ งถื อเป็นทุนทางทางวัฒนธรรมที่ สำคัญ และโครงการการบ่ มเพาะวิสาหกิ จ
ชุมชน เพื่ อให้ความรู้ และสนับสนุนการต่อยอดทางธุรกิจ
๒) ยกย่องความสำเร็จของคนไทยที่มีผลงานความคิดสร้างสรรค์
ที่ ทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ และสนับโครงการต่ างๆเพื่อกระตุ้นให้ เกิด
กระแสเมืองไทย เมืองนักคิด หรือนิยมวัฒนธรรมหรือศิลปะไทยต่อประชาคม
โลก ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนิ นการในเรื่องนี้มาแล้วอย่างต่อเนื่อง อาทิ
โครงการศิลปินแห่งชาติ โครงการศิลปาธรฯ
จ
วารสารวัฒนธรรมไทย
สู่ ...เศรษฐกิจสร้างสรรค์
๓) จัดให้มีพื้ นที่กิจกรรมและแสดงผลงานที่ เกี่ยวข้องกั บความคิด
สร้างสรรค์ Creative Zone เพิ่มขึ้นในสถานที่ต่างๆทั้งในกรุงเทพฯและส่วนภูมิภาค
เพื่อเปิดกว้างให้นั กคิด นักสร้ างสรรค์นำเสนอผลงานสร้างสรรค์โดยไม่เสี ยค่าใช้
จ่าย ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมมีนโยบายที่จะสร้างพื้นที่เพื่อเปิดให้เป็นแหล่งเรียนรู้
และแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอยู่แล้ว
จะเห็นได้ว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่ มีความได้เปรี ยบในด้าน
ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งถื อเป็นต้นทุนสูงสุ ดทางเศรษฐกิจ ดังนั้ น
ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงจำเป็นอย่ างยิ่งที่จะต้องใช้วัฒนธรรม ในการสร้าง
เศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มคุณค่าของสิ นค้าและบริการ (Value Creation)
โดยใช้องค์ ความรู้และนวัตกรรม ผนวกกับจุดแข็ งในด้านความหลากหลาย
ของทรัพยากร ธรรมชาติ วั ฒนธรรม และวิถีชี วิตความเป็นไทย โดยการเชื่อม
โยงธุรกิจภาคบริการ อุตสาหกรรม และเกษตรเข้าด้วยกันให้เป็ นกลุ่มสินค้ า
เช่น ธุรกิจสุขภาพ อาหาร และการท่องเที่ยว รวมทั้งสินค้าบริ การที่ใช้ความคิด
สร้างสรรค์บนพื้ นฐานวัฒนธรรมและภูมิ ปัญญาไทยที่เชื่ อมโยงกับเทคโนโลยี
สมัยใหม่ จึงนับเป็นโอกาสที่ ดีของผู้สร้ างสรรค์งานศิลปวั ฒนธรรม ที่จะนำ
กระบวนการ “คิดอย่ างสร้างสรรค์ ” และ “สร้างแรงบันดาลใจจากพื้นฐาน
ทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่สั่งสม” มาสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและ
เชื่อมโยงไปสู่การสร้างคุ ณค่าทางสั งคม
กระทรวงวัฒนธรรม กับการขั บเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิ จสร้างสรรค์
ทั นทีที่ ท่ านนายกรั ฐมนตรีได้ ประกาศนโยบาย “เศรษฐกิจ
สร้างสรรค์” เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม กระทรวงวั ฒนธรรม ก็ได้ลงนามในบันทึก
ข้อตกลงความร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีอิ เล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
หรือ เนคเทค ในการพัฒนาศูนย์ข้อมูลกลางทางวั ฒนธรรมเพื่อจัดทำระบบฐาน
ข้อมูลองค์ความรู้ ทุ นวัฒนธรรมที่สมบูรณ์ ทั้งในระดับชุมชน จังหวัด ส่วนกลาง
และส่วนภูมิภาค ในเครือข่ายของวธ. ให้เชื่อมโยงเข้าด้วยกั นโดยนำเสนอข้อมูล
ในระบบดิจิตอล ซึ่งนอกจากจะเป็นการพัฒนาทุนวั ฒนธรรมแล้วยั งเป็นการส่ง
เสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ทุ นวั ฒนธรรม