วารสารวั
ฒนธรรมไทย
๒. พิ
ธี
เบื้
องต้
น
เริ่
มตั้
งแต่
ตั้
งนำวงด้
าย จุ
ดเที
ยนชั
ย
และเจริ
ญพระพุ
ทธมนต์
๓. พระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก
เริ่
มจากสรง
มุ
รธาภิ
เษก ต่
อจากนั้
นพระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
ว จะเสด็
จ
พระราชดำเนิ
นไปประทั
บเหนื
อพระที่
นั่
งอั
ฐทิ
ศอุ
ทุ
มพรราชอาสน์
(เป็
นพระราชอาสน์
๘ เหลี่
ยม ภายใต้
เศวตฉั
ตร ๗ ชั้
น) สมาชิ
ก
สภาผู้
แทนราษฎร (ในสมั
ยโบราณเป็
นราชบั
ณฑิ
ต) และพราหมณ์
นั่
งประจำทิ
ศทั้
ง ๘ กล่
าวคำถวายพระพรชั
ยมงคล และถวายดิ
นแดน
ให้
อยู่
ในความคุ้
มครองของพระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
ว
ต่
อจากนั้
นทรงรั
บน้
ำอภิ
เษก ขึ้
นสู่
พระที่
นั่
งภั
ทรบิ
ฐพระราชอาสน์
องค์
ใหม่
พระมหาราชครู
เริ่
มร่
ายเวทย์
พิ
ธี
พราหมณ์
เมื่
อร่
ายเวทย์
เสร็
จแล้
วจึ
งกราบทู
ลเ ชิ
ญพระบาทสมเด็
จพระ เ จ้
าอยู่
หั
ว
ลงพระปรมาภิ
ไธย ถวายเครื่
องราชกกุ
ธภั
ณฑ์
คื
อ เครื่
องหมาย
แสดงความเป็
นพระมหากษั
ตริ
ย์
ได้
แก่
พระมหาพิ
ชั
ยมงกุ
ฎ
พระแสงขรรค์
ชั
ยศรี
ธารพระกร วาลวิ
ชนี
ฉลองพระบาท
เมื่
อทรงรั
บพระมหาพิ
ชั
ยมงกุ
ฎมาสวมพระเศี
ยร เจ้
าพนั
กงาน
จะประโคมดนตรี
ทหารยิ
งปื
นใหญ่
พระสงฆ์
เคาะระฆั
ง และ
สวดชั
ยมงคลคาถาทั่
วพระราชอาณาจั
กร หลั
งจากนั้
นพราหมณ์
ถวายพระแสงศาสตราวุ
ธ เป็
นอั
นเสร็
จพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก
๔. พิ
ธี
เบื้
องปลาย
เมื่
อเสร็
จพระราชพิ
ธี
พระบรม
ราชาภิ
เษกแล้
ว จะเสด็
จออก ณ มหาสมาคม เพื่
อให้
เหล่
า
ข้
าราชการ และประชาชนได้
ถวายพระพรชั
ยมงคลเนื่
องใน
วโรกาสทรงเข้
าพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก
๕. เสด็
จเยี่
ยมราษฎร
เมื่
อทรงเสด็
จพระราชพิ
ธี
ต่
าง ๆ
ที่
เกี่
ยวข้
องแล้
ว
พระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วจะเสด็
จ
พระราชดำเนิ
น ให้
ราษฎรได้
มี
โอกาสชมพระบารมี
สำหรั
บการจั
ดพระราชพิ
ธี
เฉลิ
มฉลองวั
นฉั
ตรมงคล
ในอดี
ต แต่
เดิ
มยั
งไม่
มี
พิ
ธี
นี้
คงมี
แต่
พนั
กงานฝ่
ายหน้
าฝ่
ายใน
พระบรมมหาราชวั
ง จั
ดงานสมโภชเครื่
องราชู
ปโภคที่
ตนรั
กษา
ทุ
กปี
ในเดื
อนหก จนกระทั่
งสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
า
เจ้
าอยู่
หั
วเสด็
จขึ้
นครองราชย์
ได้
ทรงกระทำพิ
ธี
บรมราชาภิ
เษก
เมื่
อวั
นที่
๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๙๔ พระองค์
ทรงพระราชดำริ
ว่
า
“วั
นบรมราชาภิ
เษกเป็
นมหามงคลสมั
ย ประเทศทั้
งหลาย
ที่
มี
พระเจ้
าแผ่
นดิ
นครองประเทศย่
อมนั
บถื
อว่
าวั
นนั้
นเป็
น
วั
นนั
กขั
ตฤกษ์
มงคลกาลต่
างก็
จั
ดงานขึ้
นเป็
นอนุ
สรณ์
ส่
วนใน
ประเทศของเรายั
งไม่
มี
ควรจะจั
ดขึ้
น แต่
จะประกาศแก่
คนทั้
งหลายว่
าจะจั
ดงานวั
นบรมราชาภิ
เษกหรื
องานฉั
ตรมงคล”
ผู้
คนในขณะนั้
นยั
งไม่
คุ้
นเคย ย่
อมไม่
เข้
าใจจึ
งต้
องทรงอธิ
บาย
ชี้
แจงยื
ดยาว จึ
งโปรดให้
เรี
ยกชื่
อไปตามเก่
าว่
างานสมโภช
เครื่
องราชู
ปโภค แต่
ทำในวั
นคล้
ายวั
นราชาภิ
เษก นิ
มนต์
พระสงฆ์
มาสวดมนต์
ในวั
นขึ้
น ๑๓ ค่
ำ เดื
อน ๖ รุ่
งขึ้
นพระสงฆ์
ฉั
นที่
พระที่
นั่
ง
ดุ
สิ
ตมหาปราสาท ด้
วยเหตุ
นี้
จึ
งถื
อว่
า พระราชพิ
ธี
ฉั
ตรมงคล
เริ่
มมี
ขึ้
นในสมั
ยรั
ชกาลของพระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว
เป็
นครั้
งแรก
ต่
อมาในสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว
รั
ชกาลที่
๕ วั
นราชาภิ
เษกตรงกั
บวั
นที่
๑ ตุ
ลาคม ด้
วยทรงมี
ความ
เข้
าใจในเรื่
องราวของพระราชพิ
ธี
ฉั
ตรมงคลเป็
นอย่
างดี
เพราะ
ฉะนั้
น วั
นฉั
ตรมงคลก็
ย่
อมเปลี่
ยนแปลงไปด้
วย แต่
ข้
าราชการ
ชั้
นผู้
ใหญ่
ไม่
เห็
นด้
วย เนื่
องจากไม่
เข้
าใจในเรื่
องราวพระราชพิ
ธี
ฉั
ตรมงคล พระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว จึ
งทรง
พระกรุ
ณาโปรดเกล้
าฯ ให้
แก้
ไขและออกเป็
นพระราชบั
ญญั
ติ
ว่
าด้
วยจุ
ลจอมเกล้
าสำหรั
บตระกู
ลขึ้
น ให้
พระราชทานตรานี้
ตรงกั
บวั
นบรมราชาภิ
เษก ข้
าราชการผู้
ใหญ่
จึ
งยิ
นยอมให้
จั
ดงาน
วั
นฉั
ตรมงคลในวั
นที่
ตรงกั
บพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษกได้
ส่
วนประเพณี
สมโภชเครื่
องราชู
ปโภคก็
มิ
ได้
ทรงละทิ้
งไป
ในสมั
ยรั
ชกาลที่
๖ ทรงเปลี่
ยนการพระราชพิ
ธี
จากเดิ
ม
มี
การจั
ดพระราชพิ
ธี
ที่
พระที่
นั่
งอั
มริ
นทรวิ
นิ
จฉั
ยมาเป็
นพระที่
นั่
งดุ
สิ
ต
มหาปราสาท ในปี
พ.ศ. ๒๔๕๗ และทรงพระกรุ
ณาโปรดเกล้
าฯ
ให้
เพิ่
มการพระราชกุ
ศลทั
กษิ
ณานุ
ประทานในพระราชพิ
ธี
ฉั
ตรมงคล
โดยทำ ณ พระที่
นั่
งอั
มริ
นทรวิ
นิ
จฉั
ย
ในสมั
ยรั
ชกาลที่
๗ พระบาทสมเด็
จพระปกเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว
เสด็
จเถลิ
งถวั
ลยราชสมบั
ติ
บรมราชาภิ
เษก ในวั
นที่
๒๕
กุ
มภาพั
นธ์
พ.ศ. ๒๔๖๘ การพระราชพิ
ธี
ฉั
ตรมงคลจะเหมื
อน
ในรั
ชกาลที่
๖ และได้
มี
การพระราชกุ
ศลทั
กษิ
ณานุ
ประทานในวั
นที่
๒๓ กุ
มภาพั
นธ์
โดยนิ
มนต์
พระสงฆ์
๘๕ รู
ป เจริ
ญพระพุ
ทธมนต์
ที่
พระที่
นั่
งอมริ
นทรวิ
นิ
จฉั
ย ในวั
นที่
๒๔ กุ
มภาพั
นธ์
ได้
นิ
มนต์