วารสารวั
ฒนธรรมไทย
ร้
อยเรื่
องวั
นสำคั
ญ
เสด็
จพระราชดำเนิ
นไปทรงศึ
กษาต่
อ ณ มหาวิ
ทยาลั
ยโลซานน์
ประเทศ
สวิ
ตเซอร์
แลนด์
จนเมื่
อทรงบรรลุ
นิ
ติ
ภาวะแล้
ว จึ
งได้
เสด็
จนิ
วั
ต
ประเทศไทย รั
ฐบาลไทยในขณะนั้
นก็
ได้
น้
อมเกล้
าน้
อมกระหม่
อม
จั
ดงานพระราชพิ
ธี
บรมราชาภิ
เษกถวาย เมื่
อวั
นที่
๕ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๔๙๓ ปวงพสกนิ
กรชาวไทย จึ
งได้
ถื
อเอาวั
นที่
๕ พฤษภาคม
ของทุ
กปี
เป็
นวั
นฉั
ตรมงคล ทั้
งนี้
พระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
ว
ทรงมี
พระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิ
ธี
บรมราชาภิ
เษก
นั้
นว่
า
“เราจะครองแผ่
นดิ
นโดยธรรม เพื่
อประโยชน์
สุ
ข
แห่
งมหาชนชาวสยาม”
การจั
ดพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษกนั้
น มี
มาตั้
งแต่
สมั
ยโบราณ ตามที่
ปรากฏหลั
กฐานในหลั
กศิ
ลาจารึ
กพ่
อขุ
นราม-
คำแหงมหาราชว่
า
“ในสมั
ยสุ
โขทั
ยมี
พิ
ธี
ต้
อนรั
บประมุ
ข
ของแผ่
นดิ
นอย่
างมโหฬารตั้
งแต่
ที่
พ่
อขุ
นผาเมื
องอภิ
เษก
พ่
อขุ
นบางกลางหาวขึ้
นเป็
นผู้
ปกครองเมื
องสุ
โขทั
ย”
ในสมั
ยอยุ
ธยาก็
ปรากฏหลั
กฐานตามพงศาวดารว่
า
“พระมหากษั
ตริ
ย์
ในแผ่
นดิ
นอยุ
ธยา เมื่
อมี
การเปลี่
ยนองค์
พระมหากษั
ตริ
ย์
ทั่
วทั้
งเมื
องจั
ดให้
มี
พิ
ธี
เฉลิ
มฉลองอย่
าง
เอิ
กเกริ
กใหญ่
โตไปทั่
วทั้
งพระนคร”
ต่
อมาในสมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธ-
ยอดฟ้
าจุ
ฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุ
งรั
ตนโกสิ
นทร์
ขึ้
นเป็
น
ราชธานี
ก็
มิ
ได้
ทรงละทิ้
งพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก โปรดเกล้
าฯ
ให้
ตั้
งคณะกรรมการสอบพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก ให้
มี
ความถู
กต้
องตามระเบี
ยบแบบแผน อี
กทั้
งทรงต้
องการให้
ยึ
ดถื
อ
เป็
นระเบี
ยบแบบแผนในรั
ชกาลต่
อไป โดยมี
ระเบี
ยบแบบแผน
ตามประเพณี
ดั
งนี้
๑. ขั้
นเตรี
ยมงานพระราชพิ
ธี
เริ่
มตั้
งแต่
พิ
ธี
ตั
กน้
ำ
และทำพิ
ธี
เสกน้
ำ ณ เจดี
ยสถานสำคั
ญจากสถานที่
ตั
กน้
ำ ก่
อนที่
จะส่
งเข้
ามาทำพิ
ธี
ต่
อในพระนคร
น้
ำที่
เสกนี้
ใช้
สำหรั
บ
ถวายอภิ
เษก และสรงมุ
รธาภิ
เษก (น้
ำรดพระเศี
ยรในพระราชพิ
ธี
บรมราชาภิ
เษก) โดยมี
ระเบี
ยบกำหนดให้
ใช้
น้
ำจากแม่
น้
ำ ๕ สาย
ได้
แก่
แม่
น้
ำคงคา ยมนา อิ
รวดี
มหิ
และสรภู
ในชมพู
ทวี
ป หรื
อ
ที่
เรี
ยกว่
า
“ปั
ญจมหานที
”
แต่
เนื่
องจากประเทศไทยอยู่
ห่
างจาก
ชมพู
ทวี
ปมาก ไม่
สะดวกในการเดิ
นทาง จึ
งเปลี่
ยนมาใช้
น้
ำจาก
แม่
น้
ำ ๑๘ แห่
ง จากภายในพระราชอาณาจั
กรแทน นอกจากนี้
ยั
งมี
พิ
ธี
จารึ
กดวงพระราชสมภพในพระสุ
พรรณบั
ฏ และ
แกะพระราชลั
ญจกร (ตราประจำรั
ชกาล)
นฉั
ตรมงคล
หมายถึ
ง พระราชพิ
ธี
ฉลองพระเศวตฉั
ตร
สิ
ริ
ราชกกุ
ธภั
ณฑ์
พระแสงประจำรั
ชกาล ทำในวั
น
ซึ่
งตรงกั
บวั
นบรมราชาภิ
เษกเสวยราชสมบั
ติ
ตาม
ราชประเพณี
(ความหมายตามพจนานุ
กรมฉบั
บราชบั
ณฑิ
ตยสถาน
พ.ศ. ๒๕๒๕)
นอกจากตามความหมายดั
งกล่
าวแล้
ว วั
นฉั
ตรมงคล
ยั
งเป็
นวั
นที่
ระลึ
กพระราชพิ
ธี
บรมราชาภิ
เษกเป็
นพระมหากษั
ตริ
ย์
รั
ชกาลที่
๙ แห่
งราชอาณาจั
กรไทย โดยสมบู
รณ์
กล่
าวคื
อ
พระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วภู
มิ
พลอดุ
ลยเดช ได้
เสด็
จขึ้
น
เถลิ
งถวั
ลยราชสมบั
ติ
ต่
อจากสมเด็
จพระบรมเชษฐาธิ
ราช
พระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วอานั
นทมหิ
ดล เมื่
อวั
นที่
๙ มิ
ถุ
นายน
พ.ศ. ๒๔๘๙ ในเวลานั้
นดำรงพระอิ
สริ
ยยศเป็
น
“สมเด็
จ
พระเจ้
าอยู่
หั
วภู
มิ
พลอดุ
ลยเดช”
เนื่
องจากในเวลานั้
นยั
งมิ
ได้
ทรงผ่
านพระราชพิ
ธี
บรมราชาภิ
เษกนั่
นเอง จากนั้
นพระองค์
วั
สิ
ริ
วิ
ภา…เรื่
อง
๕ พฤษภาคม
วั
นฉั
ตรมงคล