Page 26 - june52

Basic HTML Version

วารสารวั
ฒนธรรมไทย
24
แม้
ว่
าประชาธิ
ปไตย จะยั
งไม่
มี
คำจำกั
ดความอย่
าง
ตายตั
วก็
ตาม แต่
ปั
จจุ
บั
นมี
แนวความเชื่
ออยู่
สองประการที่
กล่
าวถึ
คำจำกั
ดความของประชาธิ
ปไตย โดยแนวคิ
ดแรกเชื่
อว่
ประชาชนทุ
กคนที่
อยู่
ภายในรั
ฐจะต้
องสามารถเข้
าถึ
งอำนาจได้
อย่
างเท่
าเที
ยม และอย่
างที่
สองเชื่
อว่
า ประชาชนทุ
กคนจะได้
รั
การรั
บรองสิ
ทธิ
และเสรี
ภาพเสมอกั
นทุ
กคน
กล่
าวในฐานะปรั
ชญาทางการเมื
อง รู
ปแบบทาง
การปกครองประชาธิ
ปไตย จึ
งหมายถึ
๑. ประชาชนเป็
นเจ้
าของอำนาจอธิ
ปไตย
๒. ประชาชนทุ
กคนในรั
ฐ มี
ความเสมอภาคเท่
าเที
ยมกั
ตามกฎหมาย ตลอดจนมี
สิ
ทธิ
เสรี
ภาพในขอบเขตของกฎหมาย
อย่
างเท่
าเที
ยมกั
๓. การดำเนิ
นการต่
าง ๆ ของรั
ฐนั้
น ถื
อเอามติ
ของ
เสี
ยงข้
างมากเป็
นเครื่
องตั
ดสิ
น แต่
ในขณะเดี
ยวกั
นเสี
ยงข้
างน้
อย
หรื
อคนส่
วนน้
อยของรั
ฐ จะได้
รั
บความคุ้
มครองทางกฎหมาย
ที่
ป้
องกั
นมิ
ให้
ประชาชนส่
วนใหญ่
กดขี่
ข่
มเหงอย่
างผิ
ดกฎหมาย
และผิ
ดทำนองคลองธรรม
ประชาธิ
ปไตยนอกจากจะอยู่
ในฐานะปรั
ชญาการเมื
อง
รู
ปแบบการปกครองแล้
ว สิ่
งสำคั
ญยั
งอยู่
ในวิ
ถี
ชี
วิ
ต หรื
อ Way
of life ซึ่
งหมายถึ
๑. วิ
ถี
ทางแห่
งการยอมรั
บเสี
ยงข้
างมาก
๒. มี
ความใจกว้
าง ยอมรั
บฟั
งความคิ
ดเห็
นที่
แตกต่
างกั
โดยใช้
หลั
กเหตุ
และผล
๓. การมี
ขั
นติ
ธรรมและไม่
ใช้
ความรุ
นแรงในการตั
ดสิ
ปั
ญหา
วั
ฒนธรรมประชาธิ
ปไตย
จะต้
องเคารพ
การใช้
สิ
ทธิ
และ
เสรี
ภาพของคนอื่
น แม้
จะเป็
นคนละพรรคคนละพวก และอาจ
จะมี
ความคิ
ดเห็
น หรื
อผลประโยชน์
ที่
ต่
างกั
น เช่
น จะต้
อง
ไม่
ขั
ดขวางการชุ
มนุ
มของคนกลุ่
มอื่
น ซึ่
งเป็
นการใช้
สิ
ทธิ
ตาม
รั
ฐธรรมนู
ญ ต้
องเปิ
ดโอกาสให้
คนอื่
นได้
ใช้
สิ
ทธิ
และเสรี
ภาพของเขา
ถ้
าหากเป็
นการใช้
สิ
ทธิ
และเสรี
ภาพโดยถู
กต้
องตามกฎหมาย
ของบ้
านเมื
อง
ผู้
ที่
มี
วั
ฒนธรรมประชาธิ
ปไตย
จะต้
อง
เริ่
มต้
นด้
วย
“ศรั
ทธา” คื
อความเชื่
อมั่
นในการปกครองระบอบประชาธิ
ปไตย
อั
นมี
พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงเป็
นประมุ
ข เชื่
อว่
ารั
ฐบาลประชาธิ
ปไตย
แก้
ปั
ญหาเศรษฐกิ
จของประเทศได้
แก้
ความขั
ดแย้
งในสั
งคมได้
วั
ฒนธรรมประชาธิ
ปไตยยึ
ดถื
อปฏิ
บั
ติ
ตามหลั
กขั
นติ
ธรรม
มี
ใจเปิ
ดกว้
างพร้
อมที่
จะรั
บฟั
งความคิ
ดเห็
นที่
แตกต่
างของคนอื่
น ๆ
ผู้
มี
วั
ฒนธรรมประชาธิ
ปไตย จะต้
องมี
จิ
ตใจ “รู้
แพ้
รู้
ชนะ”
เช่
นเดี
ยวกั
บนั
กกี
ฬาที่
ดี
โดยทั่
วไป คติ
ที่
ว่
า “แพ้
ไม่
ได้
” ต้
องชนะ
เพี
ยงอย่
างเดี
ยว สวนทางกั
บวั
ฒนธรรมประชาธิ
ปไตย ฝ่
ายที่
แพ้
มติ
ในสภาต้
องยอมรั
บมติ
ของเสี
ยงข้
างมาก เพราะไม่
มี
ผู้
แพ้
หรื
อผู้
ชนะที่
ถาวร ต่
างผลั
ดเปลี่
ยนหมุ
นเวี
ยนกั
น เป็
นฝ่
ายรั
ฐบาล
และฝ่
ายค้
านตามเสี
ยงของประชาชนและเสี
ยงข้
างมากในสภา
จากบทความของนายแพทย์
ประเวศ วะสี
ข้
างต้
น ทำให้
ผมสนใจ
คำว่
าวั
ฒนธรรมประชาธิ
ปไตยมากขึ้
เพราะประชาธิ
ปไตย คื
อรู
ปแบบการปกครองซึ่
ประชาชนส่
วนใหญ่
ภายในรั
ฐเป็
นเจ้
าของอำนาจของรั
ฐ มาจาก
ภาษากรี
กโบราณว่
า “
” (democratia) หมายถึ
การปกครองของประชาชน เป็
นคำผสมระหว่
างคำว่
า “
(demos) หมายถึ
ง ประชาชน และ “
” (kratos)
หมายถึ
ง การปกครองหรื
อความแข็
งแกร่
ง ซึ่
งเกิ
ดขึ้
นใน
นครรั
ฐกรี
กโบราณในช่
วง ๕๐๐ ปี
ก่
อนคริ
สตกาล