Page 8 - arg52

Basic HTML Version

วารสารวั
ฒนธรรมไทย
ร้
อยเรื่
องวั
นสำคั
แม่
คำคำนี้
เป็
นคำสู
ง เป็
นมงคลแห่
งคำอั
นควร
เทิ
ดไว้
เหนื
อบรรดาคำทั้
งปวง ในภาษาศาสตร์
เป็
นคำที่
น่
าฟั
ง ไพเราะเสนาะหู
มี
ความหมาย
ในทางชื่
นอกชื่
นใจ เราจึ
งเรี
ยกคนที่
ให้
กำเนิ
ดเรามาว่
“แม่
เพราะเรี
ยกคำอื่
นคงฟั
งไม่
ชื่
นใจมากเท่
านี้
และคำว่
“แม่
นี่
เอง
เป็
นคำที่
เด็
กมั
กจะพู
ดก่
อนคำใด ๆ เมื่
อเริ่
มพู
ดได้
เด็
กต้
องพู
คำว่
า แม่
ก่
อน แม้
ว่
าจะพู
ดไม่
ชั
ดออกเสี
ยงเป็
น มะ เป็
น แมะ
อะไรไปก็
ได้
แต่
จุ
ดหมายของเขาก็
คื
อเรี
ยกคนที่
เขารู้
จั
กมาก่
อน
ใคร ๆ ผู้
ที่
ใกล้
ชิ
ดมากกว่
าใครผู้
เฝ้
าดู
แลอุ้
มชู
ทะนุ
ถนอมชี
วิ
น้
อย ๆ ในครรภ์
มากว่
า ๙ เดื
อน
วั
นแม่
แห่
งชาติ
เป็
นวั
นสำคั
ญที่
ถู
กกำหนดขึ้
น เพื่
อเป็
การระลึ
กถึ
งพระคุ
ณของแม่
บุ
คคลที่
สำคั
ญมากที่
สุ
ดในชี
วิ
ตมนุ
ษย์
ทุ
กคน เพราะแม่
นั้
นเปรี
ยบดั
งเทวดา ผู้
ให้
ชี
วิ
ตผู้
คอยดู
แลคุ้
มครอง
รั
กษา มอบความรั
ก ความอบอุ่
น อุ้
มชู
บุ
ตรไปสู่
ความเจริ
ทั้
งกาย ทั้
งใจ เป็
นผู้
ร่
วมทุ
กข์
ในยามที่
ลู
กตกต่
ำและเหนื่
อยยาก
เปรี
ยบเสมื
อนร่
มโพธิ์
ร่
มไทรให้
ที่
ปกป้
องลู
กให้
ร่
มเย็
นเป็
นสุ
ดั่
งพระในบ้
านที่
บุ
ตรควรกราบไหว้
บู
ชา สั
กการะทุ
กวั
นเวลา
ความเป็
นมาของวั
นแม่
แห่
งชาติ
ได้
ถู
กกำหนดขึ้
อย่
างเป็
นทางการครั้
งแรกของโลก ที่
ประเทศสหรั
ฐอเมริ
กา ในปี
ค.ศ. ๑๙๑๔ (พ.ศ. ๒๔๕๗) จากความพยายามริ
เริ่
มของแอนนา
เอ็
ม. จาร์
วิ
ส คุ
ณครู
จากรั
ฐฟิ
ลาเดเฟี
ย จนในที่
สุ
ดประธานาธิ
บดี
วู
ดโรว์
วิ
ลสั
น ได้
มี
คำสั่
งให้
ถื
อวั
นอาทิ
ตย์
ที่
สองของเดื
อน
พฤษภาคม เป็
นวั
นแม่
แห่
งชาติ
ของสหรั
ฐอเมริ
กา และกำหนด
ดอกไม้
สำหรั
บวั
นแม่
แห่
งชาติ
ของสหรั
ฐอเมริ
กา คื
อดอกคาร์
เนชั่
วั
นแม่
แห่
งชาติ
วี
รพล ภู่
สุ
ข…เรี
ยบเรี
ยง
สำหรั
บในประเทศไทยนั้
นมี
การจั
ดงานวั
นแม่
ขึ้
นมาเป็
ครั้
งแรก เมื่
อวั
นที่
๑๐ มี
นาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ โดยมี
กระทรวง
สาธารณสุ
ขเป็
นผู้
จั
ดงาน แต่
เนื่
องจากช่
วงนั้
นเป็
นช่
วงสงครามโลก
ครั้
งที่
สอง งานวั
นแม่
ในปี
ต่
อมาจึ
งถู
กงดไป หลั
งจากผ่
านสงคราม
ไปแล้
ว หลายหน่
วยงานได้
พยายามรื้
อฟื้
นให้
มี
วั
นแม่
ขึ้
นมาอี
แต่
ก็
ไม่
ประสบผลสำเร็
จเท่
าที่
ควร เเละได้
มี
การเปลี่
ยนกำหนด
วั
นแม่
ไปหลายครั้
งแต่
กำหนดวั
นแม่
ที่
ประชาชนนิ
ยม คื
อ วั
นที่
๑๕ เมษายน โดยเริ่
มจั
ดตั้
งแต่
ปี
พ.ศ. ๒๔๙๓ โดยกิ
จกรรมก็
มี
การจั
ดพิ
ธี
กรรมทางพระพุ
ทธศาสนาการประกวดคำขวั
ญวั
นแม่
การประกวดแม่
ของชาติ
เพื่
อให้
เกี
ยรติ
และตระหนั
กในความ
สำคั
ญของแม่
และเพื่
อเพิ่
มความสำคั
ญของวั
นแม่
ให้
ยิ่
ง ๆ ขึ้
นไป
ด้
วยเหตุ
นี้
วั
นแม่
จึ
งเป็
นงานประจำของชาติ
ตามประกาศของ
รั
ฐบาล ฯพณฯ จอมพล ป.พิ
บู
ลสงคราม ในเวลานั้
นทั่
วไปเรี
ยกกั
ว่
าวั
นแม่
ของชาติ
งานวั
นแม่
ในวั
นที่
๑๕ เมษายน ยั
งดำเนิ
นต่
อมาอี
หลายปี
แต่
ก็
ต้
องมาหยุ
ดชะงั
กลงด้
วยเหตุ
ที่
ว่
าสภาวั
ฒนธรรม
แห่
งชาติ
ผู้
จั
ดงานวั
นแม่
ขาดผู้
สนั
บสนุ
น ต่
อมาสมาคมครู
คาทอลิ
กแห่
งประเทศไทย เห็
นว่
าควรมี
การจั
ดงานวั
นแม่
ต่
อไป
จึ
งได้
รื้
อฟื้
นงานวั
นแม่
ขึ้
นมาอี
ก และได้
กำหนดจั
ดงานวั
นแม่
คื
วั
นที่
๔ ตุ
ลาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ แต่
จั
ดได้
ปี
เดี
ยวก็
เลิ
กไป จนกระทั่
ปี
พ.ศ. ๒๕๑๙ ทางราชการจึ
งได้
กำหนดวั
นแม่
ใหม่
โดยให้
ถื
อวั
เสด็
จพระราชสมภพของสมเด็
จพระนางเจ้
าฯ พระบรมราชิ
นี
นาถ
วั
นที่
๑๒ สิ
งหาคม เป็
นวั
นแม่
แห่
งชาติ
โดยวั
ตถุ
ประสงค์
ที่
จั
ดงานวั
นแม่
ขึ้
นมาก็
เพื่