Page 78 - Culture2-2016
P. 78
วา่ ศลิ ปะสามารถสอดแทรกธรรมะใหค้ นหรอื สงั คมเขา้ ใจไดง้ า่ ยขนึ้
ผดิ กบั แตก่ อ่ นทเ่ี รามกั จะเขา้ ใจวา่ ธรรมะเปน็ เรอื่ งของพระ ไมใ่ ชเ่ รอื่ ง
ของชาวบา้ น แตเ่ มอื่ มาทบทวนจงึ เหน็ วา่ งานศลิ ปะนนั้ ผกู พนั อยกู่ บั
ศาสนามานานอาจจะเปน็พนื้ฐานทเี่ราศกึษาจติรกรรมทที่าใหเ้รมิ่
ศกึ ษาเรอื่ งพทุ ธประวตั ไิ ปดว้ ย แตจ่ ติ รกรรมทพี่ ดู ถงึ เรอื่ งธรรมะหรอื
ปริศนาธรรมกลับมีน้อย เพิ่งเริ่มมีในสมัยรัชกาลที่ ๔ แต่ธรรมะ
ที่พูดถึงเรื่องปัจจุบันยังไม่มี สิ่งเหล่านี้จึงเป็นแนวคิดที่ทาให้ผม
อยากสะท้อนผ่านการทา งานศิลปะ
อาจารยม์ โี อกาสไดถ้ วายงานในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
เพอื่ เผยแพรพ่ ระอจั รยิ ภาพทพี่ ระองคท์ รงงานดา้ นจติ รกรรม
ประสบการณ์ตรงนี้มีคุณค่าทง้ัในระดับปัจเจกและต่อสังคม
ปจั จบุ นั ผลงานศลิ ปะของอาจารยเ์ นน้ รปู แบบและเทคนคิ อย่างไรบา้ง
อยา่ งไร มคี วามคลคี่ ลายของแนวคดิ อยา่ งไรบา้ ง โดยเฉพาะ
งานรนุ่ หลงั ๆ ท่เี น้นปรัชญาด้านพุทธศาสนา
ประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๘-๒๕๓๙ ผมเรมิ่ เขา้ มารบั ตา แหนง่
เปน็ รองอธกิ ารบดฝี า่ ยศลิ ปวฒั นธรรม ซงึ่ เปน็ รองอธกิ ารบดคี นแรก
ผมระลกึอยเู่สมอวา่ผมโตจากจติรกรรมแบบประเพณีไม่ ของมหาวทิยาลยัศิลปากรทรี่ับตาแหน่งนี้ส่ิงแรกท่ีผมอยากทา
อยากใหง้านจติรกรรมแบบประเพณหียดุไปกบัยคุสมยัแตน่า่จะมี มากทส่ีดุและไดท้าคอืการศกึษารวบรวมและซอ่มภาพจติรกรรม
ชวี ติ และเคลอื่ นไหวไปกบั การเปลยี่ นแปลงของสงั คมปจั จบุ นั หรอื ฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อก่อนเราไม่มี
ในอนาคตก็แล้วแต่ ฉะนั้นเราต้องศึกษาว่ามีปรากฏการณ์หรือ โอกาสทา พอเราเป็นผู้บริหารเราสามารถผลักดันนโยบายและ
มเีรอ่ืงใหม่ๆอะไรบ้างท้ังความคิดเทคนิควธิกีารวัสดทุีจ่ะนา ทาให้เกดิขึ้นได้ทราบว่าท่านทรงพระอจัฉรยิภาพในด้านศิลปะ
มาใช้เมือ่ศกึษาและได้ความรู้ต่างๆเพ่มิเตมิผมจึงนามาใช้กบั โดยเฉพาะศลิปะสมยัใหม่เมอื่กอ่นภาพจติรกรรมฝพีระหตัถจ์ะเกบ็
งานจติรกรรมซงึ่ส่วนตัวผมเองค่อนข้างเปิดทศันะกว้างว่าอะไร รกัษากระจดักระจายตามทอ้งพระคลงัหรอืพระทนี่งั่ตา่งๆครง้ันี้
ท่เีราสามารถหยบิมาใช้ได้สื่อความหมายได้และตรงกบัใจเรา เป็นโอกาสที่ผมได้รวบรวมหลังจากรวบรวมแล้วจึงศึกษาวิจัย
สามารถทาเป็นงานของเราได้ทง้ันน้ั
เขยีนเปน็หนงัสอืขนึ้มาแลว้รว่มกบักรมศลิปากรทาการซอ่มแซม
ในสว่ นของความสนใจในธรรมะ เกดิ ขน้ึ จรงิ ๆ ตอนเรยี นอยู่ อนรุ กั ษผ์ ลงานฝพี ระหตั ถใ์ หส้ มบรู ณ์ สว่ นใหญจ่ ติ รกรรมฝพี ระหตั ถ์
ปี๔ทศี่ลิปากรประมาณ๒๕๒๒เพราะเราเจอพระอาจารยท์ส่ีอนดี เป็นภาพเขียนสีนา้มันเม่อืรวบรวมแล้วจึงจัดทาเป็นทะเบียนไว้
เมอื่ กอ่ นมองศาสนาเปน็ แคป่ ระเพณหี รอื การปฏบิ ตั เิ พอ่ื บญุ กศุ ล เรียบร้อยแล้วที่ในพระบรมมหาราชวงั
แคน่ นั้ เอง พอไดฟ้ งั เทศนท์ จ่ี บั ใจจงึ เรมิ่ สนใจ แตย่ งั ไมค่ ดิ ทจี่ ะนา จากการทผ่ีมไดเ้หน็ภาพฝพีระหตัถจ์านวนมากๆเปน็รอ้ยองค์
แนวคดิ ดา้ นพทุ ธศาสนามาทา งานศลิ ปะ เพราะผมสนใจเรอื่ งเหตกุ ารณ์ ทา ใหเ้ ขา้ ใจวา่ พระองคท์ า่ นทรงศกึ ษาดว้ ยพระองคเ์ อง แตใ่ นขณะ
ปัจจุบันความขดัแย้งทางสงัคมเหล่านี้มากกว่าแต่เร่ืองน้ียงัอยู่ เดยีวกนัทา่นทรงพระกรณุาโปรดเกลา้ฯใหศ้ลิปนิเขา้มารว่มพดูคยุ
ในใจตลอด เพราะเราสนใจเปน็ การสว่ นตวั จนกระทงั่ ตอ่ มาจงึ เรมิ่ สนทนาเกยี่ วกบั งานศลิ ปะ ใหศ้ ลิ ปนิ ชว่ ยวพิ ากษง์ านของพระองคท์ า่ น
มาคดิ วา่ ในเมอ่ื เรามาสนใจธรรมะ แตเ่ วลาทา งานศลิ ปะกลายเปน็ อกี นอกจากนนั้ ทา่ นทรงศกึ ษาไปตามระบบของการเรยี นรหู้ รอื ทา งาน
เรอ่ื งหนง่ึ ทา ไมเราไมน่ า สงิ่ ทสี่ นใจมาทา ใหเ้ ปน็ งานศลิ ปะ งานของเรา ศลิ ปะ อยา่ งเชน่ การศกึ ษาในลกั ษณะทฝ่ี กึ ทกั ษะทเ่ี หมอื นจรงิ กอ่ น
จงึ เรม่ิ ไปเกย่ี วขอ้ งกบั เชงิ พทุ ธ ธรรมะหรอื ปรชั ญามากยงิ่ ขน้ึ มองเหน็
เขียนภาพเหมือน เขียนหุ่นน่ิง เขียนแลนด์สเคปอะไรก็แล้วแต่
76