Page 53 - mar53

Basic HTML Version

๕๑
วั
นที่
๒๔ กุ
มภาพั
นธ์
๒๕๒๙ คำ
�ว่
า “อั
ครศิ
ลปิ
น”
แปลตามคำ
�ศั
พท์
ว่
า ผู้
มี
ศิ
ลปะอั
นเลอเลิ
ศหรื
อจะ
หมายถึ
งผู้
เป็
นใหญ่
ในศิ
ลปิ
นก็
ได้
เพราะพระบาทสมเด็
พระเจ้
าอยู
หั
ว นอกจากจะทรงเป็
นเลิ
ศในศิ
ลปะทั
งปวงแล้
ยั
งทรงมี
คุ
ณู
ปการ ได้
ทรงอุ
ปถั
มภ์
ศิ
ลปิ
นทั
งหลายมาโดย
ตลอดอี
กด้
วย
หลั
งจากนั้
นผมเดิ
นเลยเข้
า ไปด้
านใน
สายตาก็
ได้
พบเห็
นกั
บนิ
ทรรศการของศิ
ลปิ
นแห่
งชาติ
ทั้
ง ๙ ท่
าน ซึ่
งเป็
นการนำ
�ผลงานที่
ทรงคุ
ณค่
ามาจั
ดแสดง
มี
ทั้
งงานแกะสลั
กพื
ชผั
กผลไม้
ที่
งดงามอ่
อนช้
อย ศิ
ลปิ
ประดุ
จดั่
งผู้
เนรมิ
ตชี
วิ
ตให้
กั
บบรรดาพื
ชผั
ก ผลไม้
จาก
ลู
กกลมๆ รี
ๆ กลายเป็
นดอกไม้
และสั
ตว์
นานาชนิ
ด ผ่
าน
ปลายมี
ดเล็
กแหลมเพี
ยงเล่
มเดี
ยว นอกจากนั้
นแล้
วผม
ยั
งได้
พบเห็
นงานสถาปั
ตยกรรมการออกแบบ ที่
ผสม
กลมกลื
นระหว่
างความโบราณและสมั
ยใหม่
ได้
อย่
าง
ลงตั
ว ที่
อยู่
อาศั
ยจึ
งเปรี
ยบเป็
นงานศิ
ลปะที่
ห่
อหุ้
มตั
วเรา
ไว้
ทั้
งในยามหลั
บและยามตื่
และเมื่
อเดิ
นเลยเข้
าไปผมได้
มี
โอกาสชื่
นชมกั
ภาพถ่
ายที่
บั
นทึ
กภาพโดยตากล้
องระดั
บโลกชาวไทย
ภาพที่
ถ่
ายทอดวิ
ถี
ชี
วิ
ตและอารมณ์
ไว้
ได้
อย่
างน่
ประทั
บใจ คุ
ณผู้
อ่
านคิ
ดเหมื
อนผมหรื
อเปล่
าครั
ว่
ากา ร เ ดิ
นทา งที่
สั้
นที่
สุ
ดก็
คื
อกา ร เ ดิ
นทา งด้
วย
ภาพถ่
าย เพราะภาพถ่
ายเพี
ยงภาพเดี
ยวได้
สะท้
อน
เรื่
องราวต่
างๆ ไว้
มากมาย ภาพถ่
ายพาเราไปรู้
จั
กั
บสิ่
งต่
างๆ โดยที่
เราไม่
ต้
องออกเดิ
นทาง ความ
ยิ่
งใหญ่
ของงานศิ
ลปะจากศิ
ลปิ
นแห่
งชาติ
ในห้
อง
นิ
ทรรศการแห่
งนี้
ยั
งมี
ให้
ผมเรี
ยนรู้
อี
กตั้
งมากมาย
หลายศาสตร์
ทั้
งความยิ่
งใหญ่
จากงานจิ
ตรกรรมไทย
แบบประเพณี
ที่
ผสมผสานเทคนิ
คแบบศิ
ลปะตะวั
นตก
สะท้
อนถึ
งสาระทางพุ
ทธปรั
ชญา ความสงบ ความศรั
ทธา
ทางศาสนา ส่
วนอี
กด้
านหนึ่
งของห้
องนิ
ทรรศการผมได้
พบกั
บผลงานเขี
ยนที่
สะท้
อนภาพสั
งคมจากทั
ศนะของ
ปั
ญญาชนที่
เป็
นผู้
นำ
�ในเหตุ
การณ์
๑๔ ตุ
ลาคม ๒๕๑๖
ซึ่
งเป็
นวรรณกรรมเชิ
งปรั
ชญาบนพื้
นฐานภู
มิ
ปั
ญญา
ตะวั
นออก ที่
มี
ความลุ่
มลึ
ก คมชั
ดทางความคิ
ด และ
ในขณะที่
อ่
านงานเขี
ยนอยู่
นั้
น เสี
ยงหวานไพเราะของ
นั
กร้
องที่
มี
ฉายาว่
า ดาวประดั
บฟ้
า เสี
ยงสวรรค์
นิ
รั
นดร
ก็
ดั
งแว่
วมา ได้
ฟั
งเพี
ยงไม่
กี่
วรรคก็
สร้
างความสุ
ขใจได้
มากมาย และเมื่
อเดิ
นเลยเข้
าไปด้
านในงานด้
านนาฏศิ
ลป์
และดนตรี
ไทยก็
ทำ
�ให้
ผมรู้
สึ
กภาคภู
มิ
ใจกั
บความเป็
ไทยที่
หาชาติ
ใดเสมอเหมื
อน ทั้
งการแสดงโขนและ
การบรรเลงดนตรี
ปี่
พาทย์
ซึ่
งศิ
ลปิ
นต้
องใช้
ความมุ่
งมั่
อดทนในการฝึ
กฝนจึ
งจะทำ
�ให้
ผลงานการแสดงที่
ออก
มาประทั
บใจผู้
ชม
และเมื่
อเดิ
นชมต่
อไปทางด้
านหลั
ง ความ
สนุ
กสนานคึ
กคั
กจาก
บทเพลงลู
กทุ่
งก็
ทำ
�ให้
ผมขยั
บร่
างกายตาม
ท่
วงทำ
�นองไปโดยไม่
รู้
ตั
ว นี่
แหล่
ะ . . .ที่
เป็
เสน่
ห์
ของบทเพลงที่
เกิ
ดจากการเรี
ยบเรี
ยง
เสี
ยงประสานที่
มี
ความ
กลมกลื
นระหว่
างเนื้
ร้
อง ดนตรี
และทำ
�นอง