คำ
�อธิ
บายรายละเอี
ยดการถ่
ายภาพและสถานที่
เพื่
อเป็
นแนวทาง
แก่
ผู้
ที่
สนใจและต้
องการเรี
ยนรู้
วิ
ธี
การถ่
ายภาพ ที่
สำ
�คั
ญภาพถ่
าย
เหล่
านี้
ยั
งได้
ถ่
ายทอดความงดงามของสถานที่
จนทำ
�ให้
ผู้
พบเห็
น
อยากไปเยื
อน จึ
งถื
อได้
ว่
ามี
ส่
วนช่
วยส่
งเสริ
มการท่
องเที่
ยวอี
ก
ทางหนึ่
ง นอกจากจะมี
ผลงานด้
านถ่
ายภาพแล้
ว ยั
งเป็
นอาจารย์
พิ
เศษและวิ
ทยากรให้
ความรู้
เกี่
ยวกั
บการถ่
ายภาพให้
กั
บสมาคม
ถ่
ายภาพ สถาบั
นการศึ
กษาและผู้
สนใจการถ่
ายภาพ ซึ่
งส่
งผลให้
นั
กเรี
ยน นิ
สิ
ต นั
กศึ
กษา และประชาชน สนใจการถ่
ายภาพมาก
ยิ่
งขึ้
น ผลงานได้
รั
บรางวั
ลจากสมาคมถ่
ายภาพทั่
วโลกประมาณ
๑,๐๐๐ รางวั
ล เช่
น รางวั
ลชนะเลิ
ศยอดเยี่
ยม (Best of Show)
การประกวดภาพถ่
ายสไลด์
สี
นานาชาติ
ทั่
วโลก เหรี
ยญทองจาก
สมาคมถ่
ายภาพแห่
งสหรั
ฐอเมริ
กา จำ
�นวน ๗๒ ครั้
ง นั
บว่
าเป็
น
ศิ
ลปิ
นต้
นแบบที่
สามารถถ่
ายทอดความรู้
และประสบการณ์
ให้
แก่
ผู้
ศึ
กษาวิ
ชาการถ่
ายภาพศิ
ลปะได้
อย่
างดี
ยิ่
ง
นายเสกสรรค์
ประเสริ
ฐกุ
ล
จบการศึ
กษาปริ
ญญาตรี
จากคณะ
รั
ฐศาสตร์
มหาวิ
ทยาลั
ยธรรมศาสตร์
ปริ
ญญาโทและปริ
ญญาเอก จากมหา
วิ
ทยาลั
ยคอร์
แนลล์
สหรั
ฐอเมริ
กา เคย
ดำ
�รงตำ
�แหน่
งคณบดี
คณะรั
ฐศาสตร์
มหาวิ
ทยาลั
ยธรรมศาสตร์
ปั
จจุ
บั
นเกษี
ยณ
อายุ
ข้
าราชการแล้
ว
นายเสกสรรค์
ประเสริ
ฐกุ
ล เขี
ยนหนั
งสื
อมาตั้
งแต่
ยั
ง
เป็
นนั
กศึ
กษา มี
ผลงานที่
สร้
างสรรค์
อย่
างต่
อเนื่
องตลอดมากว่
า ๓
ทศวรรษทั้
งร้
อยแก้
วและร้
อยกรอง ผลงานร้
อยแก้
วมี
หลากหลาย
รู
ปแบบ ทั้
งเรื่
องสั้
น นวนิ
ยาย บั
นทึ
ก ความเรี
ยง บทความ บท
ปาฐกถา บทวิ
จารณ์
วรรณกรรม และงานแปล ผลงานเหล่
านี้
มี
เนื้
อหาความคิ
ดที่
แนบแน่
นอยู่
กั
บประสบการณ์
ชี
วิ
ต โดยเฉพาะ
อย่
างยิ่
งงานเขี
ยนในทศวรรษแรกและทศวรรษที่
สองสะท้
อน
ทั
ศนะและอารมณ์
ในฐานะปั
ญญาชนที่
เป็
นผู้
นำ
�ในเหตุ
การณ์
๑๔
ตุ
ลาคม ๒๕๑๖ งานเขี
ยนในช่
วงทศวรรษที่
สามเป็
นวรรณกรรม
เชิ
งปรั
ชญาบนพื้
นฐานภู
มิ
ปั
ญญาตะวั
นออก นำ
�ไปสู่
การตกผลึ
ก
ทางความคิ
ด มี
ความลุ่
มลึ
ก คมชั
ด ผลงานวรรณกรรมของ
เสกสรรค์
ประเสริ
ฐกุ
ลจะเห็
นได้
ว่
ามี
ความโดดเด่
นหลายประการ
ประการแรกโดดเด่
นในด้
านสร้
างสำ
�นึ
กทางสั
งคม ทำ
�ให้
เกิ
ดความ
เห็
นใจผู้
ทุ
กข์
ยาก และมุ่
งสร้
างความเสมอภาคและยุ
ติ
ธรรมใน
สั
งคม ประการที่
สองโดดเด่
นในด้
านแนวคิ
ดทางจิ
ตวิ
ญญาณใน
การทำ
�ความเข้
าใจกั
บชี
วิ
ตและหาทางระงั
บทุ
กข์
ด้
วยหลั
กธรรม
ตามภู
มิ
ปั
ญญาตะวั
นออก เนื่
องจากงานเขี
ยนของเสกสรรค์
ส่
วน
ใหญ่
แล้
วแยกไม่
ออกจากตั
วตนของเขา สิ่
งที่
เขารู้
คิ
ด และ
รู้
สึ
ก ล้
วนผ่
านมาทางประสบการณ์
ของเขาซึ่
ง “เติ
บโต” ตาม
วั
ยวั
น คุ
ณค่
าโดดเด่
นอี
กประการหนึ่
งอั
นเป็
นคุ
ณสมบั
ติ
สำ
�คั
ญ
ของนั
กเขี
ยน คื
อความสามารถทางวรรณศิ
ลป์
ในระดั
บเป็
น
“นายภาษา” ไม่
ว่
าจะเป็
นการสรรคำ
� การสร้
างคำ
� เช่
น
แววน้ำ
�
แฉกแดด ซุ้
มเมฆ เกลี
ยวน้ำ
� กลี
บเหว
ฯลฯ การใช้
ภาพพจน์
ทั้
ง
อุ
ปมา (simile) อุ
ปลั
กษณ์
(paradox) บุ
คคลวั
ต (personifica-
tion) สั
ญลั
กษณ์
(symbol) ปฏิ
ทรรศน์
งานเขี
ยนส่
วนใหญ่
ของ
เสกสรรค์
เป็
นร้
อยแก้
ว แต่
ลี
ลาภาษาร้
อยแก้
วนั้
นก็
เป็
นหนึ่
งเดี
ยว
กั
บกวี
นิ
พนธ์
เพราะนอกจากอุ
ดมด้
วยโวหารภาพพจน์
แล้
ว ยั
ง
ไพเราะเสนาะด้
วยเสี
ยงสั
มผั
ส และจั
งหวะหนั
กเบาเป็
นลำ
�นำ
�
เมื่
อประสานสอดคล้
องกั
บเนื้
อความก็
ยิ่
งสร้
างความซาบซ่
าน
ลุ่
มลึ
กทางอารมณ์
วรรณกรรมของนายเสกสรรค์
ประเสริ
ฐกุ
ล มี
คุ
ณค่
า
ด้
านสร้
างสำ
�นึ
กทางประวั
ติ
ศาสตร์
ฉายภาพสั
งคม นำ
�เสนอ
ปรั
ชญาอั
นลุ่
มลึ
กในการพั
ฒนาชี
วิ
ตและจิ
ตวิ
ญญาณ ประณี
ต
งดงามทางวรรณศิ
ลป์
และเป็
นแบบอย่
างการประพั
นธ์
แก่
นั
ก
เขี
ยนรุ่
นหลั
ง
นายจตุ
พร รั
ตนวราหะ
จบการศึ
กษาวิ
ชานาฏศิ
ลป์
โขน
จากวิ
ทยาลั
ยนาฏศิ
ลป กรุ
งเทพมหานคร
เป็
นศิ
ษย์
ครู
ยอแสง ภั
กดี
เทวา และ
ครู
อร่
าม อิ
นทรนั
ฏ เริ่
มรั
บราชการ
ในกองการสั
งคี
ต เมื่
อ พ.ศ. ๒๕๐๐
ต่
อมาได้
ทำ
�หน้
าที
่
ครู
ตำ
�แหน่
งครู
ตรี
ส า ข า โ ข น วิ
ท ย า ลั
ย น า ฏ ศิ
ล ป ะ
ก รุ
ง เ ท พ ตำ
� แ ห น่
ง สุ
ด ท้
า ย เ ป็
น
ผู้
อำ
�นวยการที่
วิ
ทยาลั
ยนาฏศิ
ลปสุ
โขทั
ย พ.ศ. ๒๕๔๐ ปั
จจุ
บั
น
ดำ
�รงตำ
�แหน่
ง ผู้
เชี่
ยวชาญนาฏศิ
ลป์
ไทย สำ
�นั
กการสั
งคี
ต
กรมศิ
ลปากร
นายจตุ
พร รั
ตนวราหะ
เป็
นผู้
แสดงโขน – ละคร
ให้
ประชาชนทั้
งชาวไทยและชาวต่
างประเทศชม ณ โรงละคร
ศิ
ลปากร โรงละครแห่
งชาติ
ทำ
�เนี
ยบรั
ฐบาล และไปเผยแพร่
ผลงานทางด้
านการแสดงในต่
างประเทศหลายครั
้
ง มี
ผลงานการแสดงเป็
นตั
วเอกในเรื่
องรามเกี
ยรติ์
บทยั
กษ์
ใหญ่
ทศกั
ณฐ์
เป็
นบทที่
อยู่
ในความทรงจำ
�ของคนรั
กโขน
กรมศิ
ลปากรมานานกว่
า ๔๐ ปี
ได้
รั
บการคั
ดเลื
อกจาก
ท่
านผู้
หญิ
งแผ้
ว สนิ
ทวงศ์
เสนี
ให้
แสดงเป็
นซมพลา ใน
๖