Page 53 - sep53

๕๑
ผู้ชมที่มีโอกาสได้ มาชมการแสดงกลอง กะ บานอ ใน
ระหว่างวันที่ ๙–๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์
วัฒนธรรมแห่ งประเทศไทย ต่างตื่นตาตื่ นใจกับการแสดงของ
เยาวชนชายแดนใต้ ร่วม ๓๐๐ ชีวิต ที่ต่างตั้งใจฝึกซ้อมการแสดง
ในชุดต่าง ๆ มาเป็นอย่างดี เพื่อที่ จะสร้างความประทับใจให้กับ
ผู้ชม การแสดงแต่ละชุดที่โลดแล่นอยู่บนเวทีหอประชุมใหญ่ได้
แสดงให้เห็นถึ งวัฒนธรรมประเพณีของและกลิ่นอายความเป็น
คนใต้อย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงที่ดัดแปลงมาจากกีฬา
หรือการต่อสู้อย่ างเช่น การแสดงซีละและรำ�กริช ทั้งอ่ อนโยน
และดุดันอยู่ในที อี กทั้งการแสดงประกอบบทเพลงที่ไพเราะ
ไม่ว่าจะเป็ นดิเกร์ ฮูลู และอนาซิด หรือการแสดงพื้นบ้านที่
งดงามมี ท่วงท่าลีลาเฉพาะตั วอย่างมโนราห์และร็องเง็ง
นอกจากการแสดงพื้นบ้านที่กล่าวมาแล้ว ภายในงานยังมี
การเสวนาเรื่อง “ชีวิตและความเป็นอยู่ที่กัมปง” โดยตัวแทน
เยาวชนจาก ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเวทีที่ถ่ ายทอดเรื่องราว
ชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ของชาวใต้ที่ต้องประสบกั บปัญหา
ความไม่สงบ ที่ดำ�เนินมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ จวบจนกระทั่ง
ถึ งปัจจุบัน
และเมื่อวั นที่ ๑๐ สิ งหาคม ๒๕๕๓ นายอภิสิ ทธิ์
เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ เดินทางมาเยี่ยมชมการแสดงและ
กล่าวชมเชยพร้ อมทั้งให้กำ �ลังใจกับเยาวชนที่มารวมตัวกันเพื่อ
สร้างสรรค์ สิ่งดี ๆ สู่ สังคม และอยากให้ช่วยกันเผยแพร่ศิลปะ
การแสดงเหล่านี้ ให้เยาวชนในท้องถิ่นได้ช่วยกันสืบสานต่อไป
การแสดง กลอง กะ บานอ ไม่ได้สร้างเพียงความ
สนุ กสนาน ความงดงาม และความประทับใจให้กับผู้ ชม
เท่านั้น แต่การแสดงกลอง กะ บานอ ยังทำ�หน้าที่บอกเล่า
เรื่องราวความเป็ นไปที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้
และถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกของการดำ�รงชีวิ ตภายใต้
เหตุ การณ์ ความไม่สงบในพื้นที่ ให้กับผู้ คนในสังคมที่ รับรู้
เหตุการณ์ จากการรายงานข่าวและแสดงทั ศนะจากสายตา
ของคนภายนอกที่มองเข้าไป แม้ การแสดงกลอง กะ บานอ ไม่
อาจทำ�ให้ความสงบสุ ขในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ เกิดขึ้น
ได้ภายหลังจากการแสดงจบลง แต่ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นและจะยัง
คงอยู่ในจิตใจของผู้ที่มีโอกาสได้รับชมก็คือ “สันติภาพเป็นสิ่ง
ที่ทุกคนปรารถนาไม่ว่าเขาหรื อเธอจะอยู่ในดินแดนใดก็ตาม”