Page 9 - Jan53

ลักษณะที่ ๓ เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๒ พระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้ าอยู่หั ว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ
ให้มีการนับปฏิทิ นตามลักษณะสุริยคติ และได้กำ�หนดให้วั น
ที่ ๑ เมษายน เป็ นวันขึ้นปีใหม่
ประเทศไทยได้มี การเปลี่ยนวันขึ้ นปีใหม่ให้เป็ น
สากล โดยคณะรัฐบาลซึ่ งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็น
นายกรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ ให้
เปลี่ยนวันขึ้นปี ใหม่เป็นแบบสากลนิยม ซึ่งจอมพล ป. พิ บูล
สงครามได้ ให้เหตุผลในการเปลี่ ยนแปลงครั้งนั้นว่า ต้องการ
ให้สอดคล้องกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก อี กทั้งต้องการให้เป็น
สากลมากยิ่งขึ้น แต่ประเพณีการขึ้นปีใหม่ในวันสงกรานต์นั้น
ชาวไทยก็ ยังคงมีอยู่ไม่ได้ ละทิ้งไป ด้ วยถือว่าเป็นประเพณี
และวัฒนธรรมที่ ดีงามที่ สมควรอนุรักษ์ ให้ สืบต่อไป โดย
มีคำ �ประกาศเกี่ยวกั บการใช้วั นขึ้นปีใหม่สากลในวันที่ ๒๔
ธั นวาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ ประเทศไทยจึงมีการใช้ วันปีใหม่ ใน
แบบสากลนิ ยมมาตั้งแต่นั้นเป็นต้ นมา
เ นื่ อง ใน เ ทศกาลวั นขึ้ นปี ใหม่ สำ �นั กง าน
คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ได้
ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ กำ�หนดแนวทางการดำ�เนิ นงานจัด
เทศกาลเนื่องในวันขึ้นปี ใหม่ประจำ�ปี ๒๕๕๓ ให้อยู่บนพื้น
ฐานของความเป็นไทย ให้ความสำ�คัญกับความปลอดภัยใน
ชีวิ ตและทรัพย์สิน และพร้อมนำ �หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอ
เพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ เป็นแนวทาง
การจัดงาน โดยไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเกินความพอดี ภาย
ใต้ชื่อ “ปีใหม่ วิถีไทย ปลอดภั ย พอเพียง”
สำ�นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้มี
มติเห็นชอบ แนวทางอันพึงปฏิบัติเนื่องในเทศกาลวันขึ้ นปีใหม่
ดังนี้
๑. การ เยี่ ยมเยี ยนบิ ดามารดาญาติ ผู้ ใหญ่
๒. คิ ดดี ทำ�ดี ต่อผู้อื่น ๓. ทำ�บุญตั กบาตร อุทิศส่ วนกุศล
ให้ แก่ผู้มีพระคุ ณ ๔. ส่งบั ตรอวยพร มอบของขวัญให้แก่
ผู้ที่ เคารพรัก และนับถือ ๕. เก็ บกวาดบ้านเรือน โรงเรี ยน
ที่ทำ �งาน วัด ให้สะอาด พร้อมทั้งประดับธงชาติตามอาคาร
บ้านเรื อน เพื่อต้อนรับวั นขึ้นปีใหม่ ๖. ตรวจสอบข้อดีและข้อ
บกพร่องของตนเอง และพยายามแก้ ไขให้ดีขึ้น ๗. รณรงค์ ไม่
ดื่มสุรา ไม่เสพสิ่งเสพติดต่ างๆ เพื่อลดอุบัติ เหตุ และการ
ถูกล่อลวงทางเพศ ๘. รักษามารยาททางวั ฒนธรรม ไม่เล่น
สนุกสนานคึกคะนองเกิ นขอบเขต จนทำ�ให้ผู้อื่นเดือดร้อน
๙. จัดงานรื่นเริงเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างครอบครัว
และเพื่อน โดยปราศจากแอลกอฮอล์ ๑๐. ส่งเสริมการมอบ
ของขวัญที่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
นอก จ า กนี้ ก ร ะ ท ร ว ง วั ฒนธ ร ร มยั ง ไ ด้ จั ด
โครงการ “ปีใหม่ไทย ใช้ของไทย วัฒนธรรมสู่เศรษฐกิจ
สร้างสรรค์ ” ขึ้น เพื่อรณรงค์ให้ คนไทยหั นมาใช้สิ นค้า
ไทยเป็ นของขวัญปีใหม่ โดยใช้สิ นค้าที่ มีการสร้างสรรค์
จากทุนทางวั ฒนธรรมของไทยจากทุกชุ มชนท้ องถิ่นทั่ว
ประเทศ โดยร่วมมื อกับห้างสรรพสิ นค้าต่ างๆ นำ�สิ นค้า
ไทยมาจำ�หน่ ายให้ ประชาชนได้ เลือกใช้ เป็ นของขวัญที่
ระลึก อาทิ ผ้าไทย ศิลปหัตถกรรมไทย เครื่องประดับ
ต้ นไม้มงคล อาหารและผลไม้ไทย เป็นต้ น โครงการฯ
ดังกล่าวนอกจากจะเป็นการรณรงค์ ให้คนไทยหันมาใช้สินค้ า
ไทยแล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้ ให้ แก่ ชุมชนท้ องถิ่น
ตลอดจนลดการขาดดุลทางการค้าของประเทศด้วย
วั นขึ้ นปี ใหม่ ปี พุ ทธศั กราช ๒๕๕๓ ตรง
กั บปี ข าล สำ �นั กคณะก ร รมก า ร วั ฒนธ ร รมแห่ ง
ชาติ กระทรวงวั ฒนธรรม ขอเป็ นส่วนหนึ่ ง ในการ
ส่งมอบความสุ ขแก่ประชาชนชาวไทย ด้วยหลั กแนวคิด
“ปีใหม่ วิถีไทย ปลอดภั ย พอเพียง”
.................................................
ข้อมูลอ้างอิ ง : หนังสือวันและประเพณีสำ�คัญ
ศิริวรรณ คุ้มโห้
๗
นายธีระ สลักเพชร รมว.กระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทน
จากหน่ วยงานต่ างๆ ร่วมแถลงข่าว “ปีใหม่วิถีไทย ปลอดภัย พอเพียง”