Page 26 - may52

Basic HTML Version

วารสารวั
ฒนธรรมไทย
24
ระเบิ
ดจากข้
างใน
คื
อการทำสิ่
งใดต้
องสร้
างฐาน ต้
องเริ่
มจากความพร้
อม
ความเห็
นพ้
องต้
องกั
นในกลุ่
มเล็
กๆ ก่
อน แล้
วค่
อยๆ สร้
าง ค่
อยๆ ก่
จะมั่
นคงถาวร พระองค์
ทรงมุ่
งเน้
นเรื่
องการพั
ฒนาคน ทรงตรั
สว่
ต้
องระเบิ
ดจากข้
างใน หมายความว่
า ต้
องสร้
างความเข้
มแข็
งให้
คน
ในชุ
มชนที่
เราเข้
าไปพั
ฒนามี
สภาพพร้
อมที่
จะรั
บการพั
ฒนาเสี
ยก่
อน
แล้
วจึ
งค่
อยออกมาสู่
สั
งคมภายนอกเข้
าไปหาชุ
มชนหมู่
บ้
านที่
ยั
งไม่
ทั
ได้
มี
โอกาสเตรี
ยมตั
วหรื
อตั้
งตั
ซื่
อสั
ตย์
สุ
จริ
พระองค์
ทรงให้
ความสำคั
ญในเรื่
องของความซื่
อสั
ตย์
มาก ดั
พระราชดำรั
สความตอนหนึ่
งว่
“...ถ้
าทุ
จริ
ตแม้
แต่
นิ
ดเดี
ยว ก็
ขอแช่
งให้
มี
อั
นเป็
นไป พู
ดอย่
างนี้
หยาบคาย แต่
ว่
าต้
องให้
มี
อั
นเป็
นไป แต่
ถ้
าไม่
ทุ
จริ
ต สุ
จริ
ต และมี
ความตั้
งใจ
มุ่
งมั่
น สร้
างความเจริ
ญก็
ขอต่
ออายุ
ให้
ถึ
ง ๑๐๐ ปี
...ความสุ
จริ
ตจะ
ทำให้
ประเทศไทยรอดพ้
นอั
นตราย ภายใน ๑๐ ปี
เมื
องไทยน่
าจะเจริ
ข้
อสำคั
ญต้
องยึ
ดความสุ
จริ
ตให้
สำเร็
จ และไม่
ทุ
จริ
ตเสี
ยเอง...”
อดทน มุ่
งมั่
ให้
รู้
จั
กการอดทน ทำจนเป็
นนิ
สั
ย ไม่
ว่
าสิ่
งดี
ๆ ที่
เข้
ามา ทุ
กข์
ที่
เข้
ามา สุ
ขที่
เข้
ามา เราก็
รั
บด้
วยใจสงบ ไม่
ตื่
นเต้
นหรื
อกั
งวลกั
บสิ่
งที่
เกิ
ดขึ้
กั
บตั
วเรา เหมื
อนดั
งคำว่
“ธรรมะ”
ซึ่
งนั่
นก็
คื
อ ธรรมชาติ
ธรรมดา
นอกจากนี้
หากเกิ
ดปั
ญหา เราก็
ทำจิ
ตใจให้
รู้
สึ
กท้
าทายกั
บปั
ญหานั้
เห็
นปั
ญหาแล้
วกระโดดเข้
าใส่
เป็
นการท้
าทายสติ
ปั
ญญา อย่
ากลั
วปั
ญหา
และละลายปั
ญหาจากเรื่
องยากให้
เป็
นเรื่
องง่
าย
อ่
อนน้
อม ถ่
อมตน เรี
ยบง่
าย และประหยั
ทรงอ่
อนน้
อมถ่
อมพระองค์
มาก เวลาที่
เสด็
จฯ เยี่
ยมราษฎร
ทรงโน้
มพระวรกาย คุ
กเข่
า และประทั
บพั
บเพี
ยบเข้
าหาประชาชน ในการ
พั
ฒนาและช่
วยเหลื
อราษฎรทรงใช้
หลั
กในการแก้
ไขปั
ญหาด้
วยธรรมชาติ
เรี
ยบง่
ายและประหยั
ด ราษฎรสามารถทำได้
เอง หาได้
ในท้
องถิ่
นและ
ประยุ
กต์
ใช้
สิ่
งที่
มี
อยู่
ในภู
มิ
ภาคนั้
นมาแก้
ไขปั
ญหาโดยไม่
ต้
องลงทุ
นสู
หรื
อใช้
เทคโนโลยี
ที่
ยุ่
งยากนั
ก ในเรื่
องของความประหยั
ดนี้
ประชาชน
ชาวไทยทราบกั
นดี
ว่
าเรื่
องส่
วนพระองค์
ก็
ทรงประหยั
ดมากดั
งที่
เราเคย
เห็
นว่
า หลอดยาสี
พระทนต์
นั้
นทรงใช้
อย่
างคุ้
มค่
าอย่
างไร หรื
อฉลอง
พระองค์
แต่
ละองค์
ทรงใช้
อยู่
เป็
นเวลานาน หรื
อกองงานในพระองค์
บอกว่
าปี
หนึ่
งพระองค์
ทรงเบิ
กดิ
นสอ ๑๒ แท่
ง คื
อใช้
เดื
อนละแท่
งจนกุ
ประหยั
ดทุ
กอย่
าง ทุ
กบาททุ
กสตางค์
จะทรงใช้
อย่
างระมั
ดระวั
ง หรื
นาฬิ
กาข้
อพระกรที่
พระองค์
ทรงใช้
ไม่
จำเป็
นต้
องราคาแพงแต่
ทรงเน้
นที่
ประโยชน์
ของการบอกเวลา
แก้
ปั
ญหาที่
จุ
ดเล็
พระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วทรงเปี่
ยมไปด้
วยพระอั
จฉริ
ยภาพ
ในการแก้
ไขปั
ญหา ทรงมองปั
ญหาในภาพรวมก่
อนเสมอ แต่
การแก้
ปั
ญหา
ของพระองค์
จะเริ่
มจากจุ
ดเล็
ก ๆ คื
อ การแก้
ปั
ญหาเฉพาะหน้
าที่
คนมั
กจะมองข้
าม
รั
บฟั
งความคิ
ดเห็
นของผู้
อื่
นและเคารพความคิ
ดที่
แตกต่
าง
ในทุ
กครั้
งที่
เสด็
จฯ ไปในพื้
นที่
ต่
างๆ ทรงทำประชาพิ
จารณ์
(public hearing) ทุ
กครั้
ง โดยวิ
ธี
การของพระองค์
นั้
นเป็
นวิ
ธี
การที่
เรี
ยบง่
าย
และตรงไปตรงมา โดยจะทรงอธิ
บายถึ
งวั
ตถุ
ประสงค์
และผลที่
จะได้
รั
จากโครงการพั
ฒนากั
บพสกนิ
กรที่
มาเฝ้
าฯ ล้
อมรอบอยู่
หลั
งจากนั้
จะทรงถามถึ
งความต้
องการของประชาชน ความสมั
ครใจ และให้
ตกลง
กั
นเองในกลุ่
มที่
จะได้
รั
บประโยชน์
และกลุ่
มที่
ที่
จะต้
องเสี
ยสละในขณะนั้
เลย พร้
อมทั้
งทรงวางแผนที่
เพื่
อตรวจสอบถึ
งข้
อมู
ลและข้
อเท็
จจริ
งจอง
สภาพภู
มิ
ประเทศ และหลั
งจากนั้
นก็
จะทรงเรี
ยกผู้
นำท้
องถิ่
นและฝ่
าย
ปกครองให้
มารั
บทราบและดำเนิ
นการในขั้
นต้
น ก่
อนที่
จะพระราชทาน
ให้
หน่
วยงานปฏิ
บั
ติ
ที่
เกี่
ยวข้
องดำเนิ
นการในเชิ
งบริ
หารและวิ
ชาการ
ต่
อไปจนเสร็
จสิ้
นโครงการ
“...มี
คนบอกว่
าโครงการพระราชดำริ
แตะต้
องไม่
ได้
ข้
อนี้
เป็
ความคิ
ดที่
ผิ
ดหรื
อเป็
นความคิ
ดที่
ไม่
ถู
กต้
องนั
ก เพราะหากโครงการ
พระราชดำริ
แตะต้
องไม่
ได้
เมื
องไทยไม่
เจริ
ญ...”