Page 9 - Culture2-2016
P. 9






















































๓







เส้นทางสายประวตั ศิ าสตร์มปี ้ายเลก็ ๆ ปักไวเ้ พอ่ื ใหผ้ คู้ น ตนได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร่วมกับพ่อหลวง 


ได้ราลกึถงึอดตีในครงั้นนั้ทกี่ษตัรยิ์หนมุ่พระองคห์นง่ึทรงเสดจ็ฯ ซา่ซา่เลา่ยป่ีา๋ผู้นาหมู่บ้านท่ปีัจจุบนัเสยีชีวิตไปแล้วพ่อหลวง 

ด้วยพระบาทไปตามเส้นทางเล็กๆ ในผืนป่า ขณะน้ันยังไม่มี ซา่ ซา่ ทลู ถงึ ความเดอื ดรอ้ นของชาวบา้ นใหพ้ ระองคท์ รงทราบวา่ 

การตดัถนนพระองค์ทรงสวมรองเท้าผ้าใบและทรงพระดาเนิน ท่ีน่ีไม่ค่อยมีนา้ กนิ น้าใช้ ทา ให้มีปัญหาในการเพาะปลกู


ด้วยจงัหวะก้าวทสี่มา่เสมอรวดเร็วจนเจ้าหน้าท่ีตามเกอืบแทบ “ในหลวงตรัสว่านอกจากพื้นที่สาหรับปลูกข้าวไร่และ 

ไมท่ นั บางครง้ั ทรงพระดาเนนิ เปน็ ระยะทางไกลกวา่ ๗ กโิ ลเมตร พืชผลแล้ว ให้ชาวบ้านรักษาป่าไว้ครึ่งหนง่ึ ห้วยน้ารูนนี้ ้าไหลดี 


โดยไม่มีทีท่าจะว่าจะทรงเหน็ดเหน่ือยแต่อย่างใด
หากชาวบ้านถางป่าน้าจะหมดไปนค่ีอืการทใ่ีนหลวงทรงสอน 

“เจ้าหน้าที่อยู่ที่ไหนในหลวงและพระราชินีเสด็จให้ ให้ชาวบ้านรกัษาป่าและนา้”เจ้าหน้าท่ปี่าไม้คนเดมิบอกเล่า

กาลังใจหมด เพราะทรงรู้ว่าเจ้าหน้าท่ีทางานแทนพระองค์” ตะกายเล่าว่าตนเป็นผู้นาด้านการเกษตรของชุมชนที่ 


สามารถ สมุ โนจติ ราภรณ์ เจา้ หนา้ ทปี่ า่ ไม้ ทเี่ คยทา งานในพนื้ ที่ เขา้ รว่ มอบรมดา้ นการเกษตรรว่ มกบั ผนู้ า การเกษตรของชนเผา่ ตา่ งๆ 

ดอยสามหมืน่บอกเล่า
ท่ีศูนย์วิจัยและฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนเชียงใหม่กับ 

ตะกาย หรือ ส่าย เล่าย่าง หัวหน้ากลุ่มเกษตรกร ทมี งานของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ทา ใหไ้ ดร้ บั 


บ้านน้ารู วัย ๗๐ กว่า ย้อนความหลังเมื่อร่วม ๔๐ ปีก่อนว่า
ความรเู้ รอื่ งการปลกู พชื ผกั ไมผ้ ลเมอื งหนาวหลายชนดิ ทางศนู ยฯ์


7
เมษายน-มถิ นุ ายน ๒๕๕๙ 



   7   8   9   10   11